เปลว สีเงิน
“คริสต์มาส” ผ่านไป
“ปีใหม่สากล” กำลังมา
ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกันแล้วใช่มั้ยล่ะ?
ไปอยู่กับโบนัสบ้าง อยู่กับแผนการเดินทาง “ต่างจังหวัด-ต่างประเทศ” บ้าง
แต่ดูกันให้ดีนะ ไม่รู้ว่าปีนี้ “ครอบครัวชินวัตร” มีใครโอนโฉนดซื้อ-ขายที่ดินกันวันที่ ๒ มกรา.หรือยังไงก็ไม่ทราบ?
เพราะ “รัฐบาลเพื่อไทย” พิเรนทร์
๓๑ ธันวา. “ตรงวันอาทิตย์” แทนที่จะให้หยุดชดเชยวันที่ ๒ มกรา.๖๗ กลับให้หยุดในวันศุกร์ ๒๙ ธันวา.๖๖ แทน
เรียกว่า “๒ ยามเป๊ง”
ช่วงรอยต่อ ๓๑ ธันวา.-ปีเก่า, กับ ๑ มกรา.-ปีใหม่ ไชโย ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ เสร็จ
ไม่ต้องรอสร่างเหล้า ทั้งเมาขี้ตานั่นแหละ ก็ต้องตาหู-ตาแหก ตะกายกลับมา เตรียมไปทำงานตามปกติตอนเช้าวันที่ ๒ มกรา.!
ไม่รู้รัฐบาลเศรษฐา เอาสมองส่วนไหนมาคิด?
ถ้าไม่มี “วาระซ่อนเร้น” ก็แสดงว่า เข้าใจแต่ออกระเบียบประจบนักโทษเทวดา แต่หาแยแส-สนใจ “วิถีชีวิตชาวบ้าน” ไม่
คนที่เดินทางกลับไปฉลองตามภูมิลำเนา ทำไงดีล่ะ?
ก็มี ๓ ทางให้เลือก
๑.”เมาแล้วขับ”กลับมา
๒.ขับๆ แล้ว “หลับใน” แหกโค้งลงข้างทางกลางดึก และ
๓.เบี้ยวงานไปอีกวัน
ด่ารัฐบาลลุงตู่ ๘ ปีไม่มีอะไร นอกจากทำประเทศล้าหลังและล่มจม แต่รัฐบาลเศรษฐา มาแค่ ๔ เดือน ประเทศไปไม่กลับ,หลับไม่ตื่น,ฟื้นไม่มี เห็นคาตา!
ไม่ต้องมาก “ตลาดหุ้น” สะท้อน “เชื่อมั่น-ศรัทธา” ต่อตัวผู้นำรัฐบาลเห็นชัดที่สุด
ทุกวันนี้ ผมไม่ดูดัชนี “ตลาดหลักทรัพย์” แล้ว เพราะดูทีไรเหมือนยืนขอบเหว
จาก ๑,๖๐๐-๑,๗๐๐ จุด แค่ ๔ เดือน ในรัฐบาลเพื่อไทย-เศรษฐาบริหาร
ตอนนี้ แวบๆว่า เหลือ ๑,๓๐๐ กว่าๆ แนวโน้มจะลงไป ๑,๒๐๐ ปลายๆ ด้วยซ้ำ!
นักลงทุนต่างประเทศเทขาย ขนเงินกลับไปเป็นแสนๆ ล้าน อย่างเมื่อวาน ตลาดหุ้นแทบเป็น “ป่าช้าร้าง”
แสดงว่า นักลงทุนไม่ใช่หมดความเชื่อมั่นในฝีมือบริหารรัฐบาลเพื่อไทย ต้องบอกว่า “ไม่มีเลย” มาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ
ขาประจำตลาดหุ้นวันนี้ นอกจากมดและแมงเม่าแล้ว ก็ขาใหญ่เทรด “ซอร์ตเซลล์” นั่นแหละ!
นายกฯ เดินสายเป็นเซลล์แมน ไปเชิญนักลงทุนประเทศโน้น-นี้เข้ามาลงทุน กลับมาที ก็โม้ไป ๓ วัน ๗ วันไม่เลิก
รายนั้น-รายนี้ สนใจเข้ามาลงทุนหมื่นล้าน-แสนล้าน!
ก็ใครเขาจะป่าเถื่อนบอก “ไม่สนใจ” ล่ะ
แต่มีซักรายมั้ย ที่เข้ามาลงทุนจริง นอกจากที่ “ติดต่อ-ตกลง” กันไว้เรียบร้อย ตั้งแต่ยุครัฐบาลประยุทธ์
๔ เดือนที่เป็นรัฐบาล ผลาญไปแล้วเท่าไหร่ พอเห็นตัวเลขจริง แต่ที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศซักร้อย-ซักพัน ไม่มีให้เห็นเลย
มีแต่ตัวเลข กำลังจะผลาญต่อ…
-แจกดิจิทัล โทเคน ๕๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
-ทำประประชามติ “แก้รัฐธรรมนูญ” ๓ ครั้งๆละ ๒-๓ พันล้านบาท รวมกว่า ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท
-ตั้งสสร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ กว่า ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
-แก้หนี้นอกระบบอีก ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
-ให้อุ๊งอิ๊งขับเคลื่อนซอฟต์ พาวเวอร์ ๕,๑๖๔ ล้านบาท
อีกหลายประชานิยมสนองนโยบายตอนหาเสียงเลือกตั้ง ขี้เกียจจาระไน เอาเท่าที่บอกก็ลมจับแล้ว
ว่าเขาเข้ามาพัฒนาประเทศหรือเข้ามาผลาญประเทศกันแน่?
ใครไม่เคยเห็น “ตัวคริสต์มาส” บ้าง ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ยกมือขึ้น?
ถ้าไม่เคยเห็น ก็ดูซะ ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวาน ถุงเท้า ๒ ข้าง “เขียวข้าง-แดงข้าง”
ก็ไม่ว่าอะไร เป็นเรื่องสะท้อนทางจิตธรรมดาๆ “ซิกมันด์ ฟรอยด์” กล่าวไว้ที่ไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ว่า…
คนมันกลวง ก็ต้องหาจุดสนใจ เมื่อไม่มี ก็ต้องอาศัยวัตถุ เช่นถุงเท้า สร้างหน้า-สร้างตา!
นายกฯ เศรษฐานี่ จะว่าไป เป็นคนมีน้ำจิต-น้ำใจนะ
สั่งขนมปัง “ปาเน็ตโตเน่ ซอสเปโซ” หนัก ๑๐ กิโล จากอิตาลี มาให้ให้นักข่าวทำเนียบกิน
บอก วันคริสต์มาส สั่งมากินทุกปี ห่อไอศกรีมกินจะอร่อย
เห็นแล้วก็อยากกินมั่ง คงอร่อยกว่าขนมปังหัวระโหลกน้ำแข็งไส ราดน้ำแดง โรยหน้าด้วยนมข้นแน่ๆ เลย!
นายกฯ พูดถึงวิธีกินให้อร่อย ว่าใช้ขนมปังอิตาลีห่อไอศกรีม
ผมก็นึกขึ้นได้ ว่านายกฯ เป็นประธา น”คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ”
ตั้งให้อุ๊งอิ๊งเป็นประธานขับเคลื่อนใช้เงินกว่า ๕,๐๐๐ ล้าน ขับเคลื่อนนโยบาย “๑ ครอบครัว ๑ ซอฟต์พาวเวอร์”
คริสต์มาสปีหน้า ถ้ายังเป็นนายกฯ อยู่ เพื่อไม่เป็นการแหกตาผลาญงบซอฟต์ พาวเวอร์ ๕ พันล้านเปล่าๆ ปรี้ๆ
นายกฯ เปลี่ยนสั่งขนมปังจากอิตาลี มาเป็นสั่ง “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ย่านฝั่งธนฯมาเลี้ยงนักข่าวทำเนียบบ้างก็จะดี
รับรองอร่อยไม่แพ้กัน เผลอๆ อร่อยกว่าด้วยซ้ำ เอาขนมฝรั่งกุฎีจีนใส่ชามหรือถ้วยย่อมๆ แล้วตักไอศกรีมถังปั่นแบบโบราณโปะลงไป
เอาช้อนตักไอศกรีมมพร้อมขนมฝรั่งใส่ปากพร้อมๆ กัน โหยยย…มันทั้งอร่อย ทั้งหวาน หอม มัน ทั้งเย็น คลึงเคล้าขนมฝรั่ง ซาบซ่านหวานลิ้น รินๆ ไหลลงลำคอ จนต้องหลับตาพริ้ม
ค่อยๆ กลืน…เสียดาย ด้วยอาลัยในรสชาติ!
“ขนมฝรั่งกุฎีจีน” อย่านึกว่าของไทยหรือของจีนนะ เป็นของฝรั่งโปรตุเกส ใช้กินฉลองวันคริสต์มาสเหมือนกัน
นายกฯ ลองสั่งมากินตามวิธีที่ผมบอกดูมั่ง ไม่ถึงกับเสียหน้า-เสียตาที่กินขนมคนไทยทำหรอก
เอาไปตั้ง ๕,๐๐๐ กว่าล้าน สั่งอุ๊งอิ๊งไปต่อยอด “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ให้มันดังเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ จนฝรั่งอิตาลีสั่งไปกินเหมือนที่เศรษฐาสั่งขนมปังปาเนตโตเน่มากินบ้างซิ
กี่ร้อยปีมาแล้ว ตั้งแต่อยุธยาตอนกลาง สมัย “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” โน่น
ที่ “ท้าวทองกีบม้า” นำวิชาทำขนมโปรตุเกสมาเป็นขนมไทย และคนไทยต่อยอดเป็น “ขนมไทยแท้” ร้อยแปด-พันเก้าชนิด รวมทั้ง “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” นี่ด้วย
อย่าไปเลอะเทอะโหนเอา “หมูกระทะ-ช็อกต์มินต์” เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ เอ๋อๆ แบบอุ๊งอิ๊งเลย
อายแรงงานเขมร-พม่าน่ะ ไม่อายหรอก แต่เสียดาย ๕ พันล้าน แค่หมูกระทะจาก “หมูเถื่อน”!
ขนมไทยนี่นะ จะบอกให้ เป็นร้อยชนิด ที่อร่อย มีเสน่ห์ซ่อนเร้นกรรมวิธีและวัตถุดิบเป็นเอกลักษณ์
แต่เป็นร้อยๆปี ก็ขายได้ชิ้นละ ๑๐ บาท ๒๐ อยู่แค่นั้น ขณะเดียวกัน ขนมอะไรก็ไม่รู้ กินไม่เป็นสับปะรดขลุ่ย แต่แพ็กเกจจิ้งสวยมาก
จาก ๑๐-๒๐ ขายกันกล่องละเป็นร้อยๆ อย่างที่ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง แย่งซื้อกันมาฝาก ก็แค่เอามาดูความสวยแพ็กเกจจิ้ง ส่วนเนื้อในทิ้งหมด!
เนี่ย ไม่ต้องยกโขยงคนมาตั้งเป็นกรรมการ มี ๑๐-๒๐ แขนงโครงการอะไรหรอก
ขนมดังๆในประเทศ แต่ละตำบล อำเภอ จังหวัด รู้กันอยู่แล้ว ใช้กระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นหลัก
ให้นักศึกษาแต่ละมหาลัยที่เขาเรียนด้านนี้ นำวิชาการไปบวกเข้ากับประสบการณ์ชาวบ้าน ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ขนมไทย ใช้การตลาดเสริม
ได้ทั้งนักศึกษารุ่นใหม่ ได้ทั้งชาวบ้านนักการผลิตรุ่นเก่า ได้ทั้งขนมไทยในแพกเกจจิ้งใหม่ แต่รสชาติไทยดั้งเดิม
เพชร ไม่ได้อยู่บนดิน ต้องขุดดั้นด้นหา
สินค้าไทยเหมือนกัน ต้องมุ่งไปที่ต้นตอ “เจ้าตำรับ” แล้วพัฒนา-ต่อยอด จากราก-โคน ให้มันแตกยอด
ไม่ใช่อย่างที่ระดมจากยอด ใหญ่โตแต่ตำแหน่ง แต่ตีนไม่เคยลงดินจริงๆ มันจะได้เรื่องอะไร
นอกจากตั้งบังหน้า “ผลาญเงิน”!
“ข้าวหมาก” ของไทยนี่แหละ ไปรไบโอติกส์ขนานแท้ละ เสียเงินซื้อโยเกิร์ต นมเปรี้ยว กินกันวันละเท่าไหร่
ไปซี…อุ๊งอิ๊ง
ไปต่อยอด “ข้าวหมาก” ให้เป็น “ซอฟต์ พาวเวอร์” แทนโยเกิร์ต แทนยาคูลท์
อาหารเช้าตามโรงแรม ล้วนมีโยเกิร์ต ทำให้ต่อไป ใช้ข้าวหมากแทนให้ได้ แบบนี้ ซอฟต์ พาวเวอร์ ถึงจะทำเงินเป็นล้านล้านบาทให้ไทยได้
ไม่ใช่หมูกระทะหรือช็อกมินต์สะเหล่อๆ!
อีกอย่างนะ อุ๊งอิ๊งไปพัฒนา-ต่อยอดเลย “กาละแม-ข้าวเหนียวแดง-กระยาสารท-ขนมบ้าบิ่น”
“๔ เกลอ ขนมไทย” จับรวมกันลงกล่อง
ออกแบบผลิตภัณฑ์เก๋ๆ ขายเป็น “ของขวัญ-ของฝาก” สำหรับนักท่องเที่ยว รับรองติดใจกันตลาดแตก!
ไอ้ช็อกมินต์ ขนมปังอิตาลี กินเองเงียบๆ ที่บ้านก็ได้
ในฐานประธานขับเคลื่อนซอฟต์ พาวเวอรไทย
“หุบปาก” ให้สนิทเชียวนะ!
เปลว สีเงิน
๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖