26 ธ.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โถงกลางตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาลนายแพทย์ทวีศิลป์วิษณุโยธินโฆษกศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันดังนี้
โฆษกศบค. รายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 110 รายเป็นการติดเชื้อในประเทศ 64 รายเป็นผู้ติดเชื้อโดยการตรวจเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าว 30 ราย และเชื่อมโยงกับกรณีจังหวัดสมุทรสาครประมาณ 60 รายโดยยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนอีก 4 รายมีผู้ที่อยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 16 รายทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมในประเทศ 6,020 ราย
แบ่งออกเป็นการติดเชื้อในประเทศ 4,061 ราย และเป็นการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าว1,338 รายหายป่วยแล้ว 4,152 ราย เพิ่มขึ้น 15 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 60 ราย
โฆษกศบค. ยืนยันว่าตอนนี้มีผู้ติดเชื้อใน 33 จังหวัดข้อมูลในส่วนของจังหวัดนครนายกและจังหวัดระยองยังคงรอรายงานการติดเชื้ออยู่โดยจังหวัดตากและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ
สถานการณ์ทั่วโลกตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 80,207,155 คนเพิ่มขึ้นวันนี้ 472,443 คน เสียชีวิตสะสม 1,757,640 คน โดยไทยอยู่ในลำดับที่ 144 ของโลก
โฆษกศบค. กล่าวถึงประกาศพระราชกิจจานุเบกษาเรื่อง การเพิ่มศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทยเพิ่มอีก 1 หน่วยงาน ทำให้มีหน่วยงานภายใต้การทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานจำนวน 7 หน่วยงานได้แก่
(1) สำนักงานเลขาธิการ (2) ศปก. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (3) ศปก. ฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (4) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (5) ศปก. มาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (6) ศปก. แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงและ (7) ศปก. ด้านนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา
นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาต่างๆ ที่มีความสำคัญเช่นคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นต้นและได้มีข้อกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ควบคุมพื้นที่และสั่งการในระดับจังหวัดซึ่งสอดคล้องกับพรบ.โรคติดต่อในขณะเดียวกันข้อกำหนดทั่วประเทศยังห้ามไม่ให้มีการชุมนุมการทำกิจกรรมมั่วสุมในสถานที่แออัดเนื่องจากเป็นความเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรค
โอกาสนี้โฆษกศบค. ยังยืนยันกรณีการตรวจ Rapid Test ของเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลที่พบผลเป็นบวกจำนวน 6 รายแต่เมื่อส่งตรวจ Swab พบผลเป็นลบว่าการตรวจ Rapid test เป็นการตรวจที่ใช้การเจาะเลือดเพื่อดูภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ใช่การตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดยตรง (RTPCR) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าโดยตรวจภูมิคุ้มกันเบื้องต้นก่อนหากพบเป็นผลบวกจึงส่งตรวจหาเชื้อโดยตรงต่อไป
ทั้งนี้จำนวนละอองฝอยที่เกิดขึ้นจากการจามไอพูดคุยมีขนาดใหญ่กว่าละอองฝอยที่เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากการถ่ายเททางอากาศเช่นวัณโรคที่ต้องมีการควบคุมที่มากกว่ายืนยันการสวมหน้ากากผ้านั้นสามารถป้องกันโควิด-19 ได้