ศบค. เห็นชอบขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 8 ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 ถึง 15 ม.ค. 64

วันนี้ (18 พ.ย. 63) เวลา 11.50 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค. สถานการณ์ประจำวัน และความก้าวหน้าในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบในการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 8 ตั้งแต่ 1 ธ.ค.63 ถึง 15 ม.ค.64 ซึ่งเป็นการขยายเวลาที่คร่อมช่วงเวลาปีใหม่ 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีความเข้มข้น และเพื่อรักษาความพร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันระดับนานาชาติ BWF World Tour ซึ่งการขยายระยะเวลาดังกล่าว จะอำนวยความสะดวกต่อการจัดการแข่งขัน และดูแลผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้

โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขอให้มีการกักตัวในรูปแบบ Area Quarantine โดยเข้ามากักกันตัว 10 วัน ณ ASQ หลังจากนั้น เห็นควรให้ใช้มาตรการคุมไว้สังเกตเป็นเวลาอีก 4 วัน ในพื้นที่ที่กำหนดร่วมกับการใช้ Application ติดตามตัว ซึ่งที่ประชุม ศบค. ได้มีการหารือกันอย่างกว้างขวางถึงแนวทางการดำเนินการและข้อห่วงใยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ โดยที่ประชุม ศบค. มอบหมายให้ ศบค. ชุดเล็ก และกระทรวงสาธารณสุข ได้ไปเพิ่มเติมรายละเอียด แล้วนำกลับมาพิจารณาให้ได้ข้อสรุปในที่ประชุม ศบค. ครั้งต่อไป

พร้อมกันนี้ ศบค. มีมติอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทย และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด มีความเห็นว่ามีเหตุที่จัดเป็นผู้เสี่ยงสูงสมควรเข้ารับการกักกัน ให้สามารถเข้ารับการกักกันใน Organizational Quarantine (OQ) ที่ส่วนราชการกำหนดหรือจัดตั้งขึ้น เพื่อป้องกันประชาชนคนไทยในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดนปลอดภัยจากการติดเชื้อ กรณีพบแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ที่มีอาการติดเชื้อโควิด-19



ด้านสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,880 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 1,427 ราย สำหรับสถานการณ์ COVID-19 ของโลก มีผู้ติดเชื้อยืนยันทั่วโลกขณะนี้รวมกว่า 55 ล้านคน เฉลี่ยผู้ป่วยทั่วโลก 2 วัน 1 ล้านคน

โฆษก ศบค. เผยว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้กล่าวว่า ณ ขณะนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดัชนีที่แสดงถึงการฟื้นตัวของแต่ละประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ในโลกด้านการฟื้นตัวจากโควิด-19 ซึ่งไทยได้รับการประเมินให้ได้คะแนนดีที่สุดในมิติด้านการฟื้นตัวและมิติด้านความรุนแรงของการระบาด

พร้อมกันนี้ มหาวิทยาจอห์น ฮอบกินส์ สหรัฐอเมริกา ได้รายงานดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพ หรือ 2019 Global Health Security Index ที่มีการจัดอันดับประเทศทั้งหมดรวม 195 ประเทศในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของภูมิเอเชีย

พร้อมยกย่องว่าไทยเป็น 1 ใน 13 ประเทศที่มีความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาดได้มากที่สุด นอกจากนี้เว็บไซต์ข่าวชื่อดังของสหรัฐอเมริกา คือ U.S News & World Report ได้เผยผลการจัดอันดับของประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกประจำปี 2563 โดยยกให้ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของโลกและประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจจากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก นับเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ

ในตอนท้ายโฆษก ศบค. ยืนยันว่า เวลาในการกักกันตัวขณะนี้ยังอยู่ที่ 14 วัน ขณะที่พัฒนาการของการกักกันตัวของทั่วโลกได้ปรับเป็น 10 วัน ดังนั้น จะทำอย่างไรให้การกักกันตัวเป็น 10 วัน โดยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้มากกว่านี้ ซึ่งในเวลาอีกประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ จากนี้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขจะไปทำข้อมูลเพิ่มเติมและเสนอรูปแบบใหม่กลับมาเข้าที่ประชุม ศบค. ทั้งนี้ โฆษก ศบค. เน้นย้ำให้ประชาชนใช้หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ป้องกันตัวเองให้มากที่สุด

Written By
More from pp
พรรคเพื่อไทย เปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เพิ่ม 45 คน ขณะที่ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ย้ำ เลือกพรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น ร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน
พรรคเพื่อไทยนำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย...
Read More
0 replies on “ศบค. เห็นชอบขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 8 ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 ถึง 15 ม.ค. 64”