ซ่านักก็ “ส่งกลับคุก” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?
“เสือกเพื่อชาติ”
หรือเรียกว่ากระสัน “สถาปนาอำนาจเหนือรัฐบาล” ให้ตัวเอง ก็คงไม่ผิดทั้งสองอย่างแหละน่า
ก็ใครซะอีกล่ะ …..
ถ้าไม่ใช่ “ก้อนกรวดในรองเท้า” ที่ชื่อทักษิณ

เมื่อวาน (๗ พ.ค.๖๗) ข่าวว่อนไปหมด ความจริง ผมดูจากรายการ “Suthicha live” ของคุณ “สุทธิชัย หยุ่น” ตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้ว

คือ “สำนักข่าว VOA Burmese” วอยซ์ออฟอเมริกา “ภาคภาษาพม่า” เขาเผยแพร่ ข่าว-ภาพ
ทักษิณพบผู้นำกลุ่ม “กองกำลังชนกลุ่มน้อย” ในพม่าหลายกลุ่ม เมื่อเดือน มีนา.-เมษา.

เช่น กองกำลังฉานสเตทอาร์มี SSA ของเจ้ายอดศึก, กะเหรี่ยงเนชั่นยูเนียน KNU, คะฉิ่นเนชั่นออแกนไนเซชั่น KNO และอีกหลายกลุ่ม

รวมถึง “รัฐบาลพลัดถิ่น” ของ “นางออง ซาน ซู จี” National Unity Government (NUG)
เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่นำไปสู่การสู้รบกันในพม่าตอนนี้

เท่าที่ฟังจากคุณสุทธิชัย ซึ่งเขามีแหล่งข่าวและเอกสารอ้างอิงว่า
การพบกันครั้ง ไม่ใช่กองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในพม่ามาขอพบทักษิณ

หากแต่ ทักษิณเป็นฝ่าย “ขอพบ”
โดยให้คนไปติดต่อเชิญกองกำลังต่างๆ เหล่านั้น ให้มาพบกันที่เชียงใหม่ ก็ช่วงสงกรานต์ ที่เขาเดินทางลงไปนั่นแหละ

พวกกองกำลังชนกลุ่มน้อย ก็มาพบแบบงงๆ
ที่งงกันกว่านั้น คือทักษิณร่างหนังสือเตรียมไว้พร้อม เพื่อให้ผู้นำกองกำลังชนกลุ่มน้อย “เซ็นมอบอำนาจ” ให้เขาเป็น mediator

คือมอบให้เขาเป็น “ตัวกลาง”
ทำหน้าที่เจรจาสันติภาพกับฝ่ายต่างๆ ในพม่า ประมาณนั้น

เมื่อวาน เจี๊ยวกันแต่เช้าเคล้าฝนร้อน นักข่าวจี้ถามทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศแกะกล่อง “มาริษ เสงี่ยมพงษ์”

ก็มาดูรูปมวย “รัฐมนตรีต่างประเทศ” จากคำตอบกันซักนิด ว่านี่คือ “รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศไทย”
หรือ “รัฐมนตรีต่างประเทศของทักษิณ”?

นักข่าว:ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ ท่านทราบและตรวจสอบเรื่องนี้หรือยัง?
มาริษ:ผมเองก็ได้ทราบข่าวมาเช่นกัน ต้องยอมรับว่า นายทักษิณเป็นคนที่กว้างขวางและมีเพื่อนฝูงมาก
ทางเมียนมาคงเห็นว่านายทักษิณจะสามารถช่วยได้ คงเป็นเรื่องที่ทางเมียนมาคุยกับนายทักษิณ
ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย อย่างที่ผมบอกไปว่า “เพิ่งจะทราบเรื่องดังกล่าว”

ใครที่ช่วยอะไรได้ ก็ควรจะช่วย และไม่จำเป็นต้องทำอย่างเป็นทางการ อีกทั้งทางการเมียนมา รัฐบาล ชนกลุ่มน้อย ขอให้นายทักษิณมาช่วย ก็เป็นเรื่องของเขา

นักข่าว:แนวทางที่นายทักษิณไปช่วย ตรงกับแนวทางกับกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่?
มาริษ:การดำเนินการตรงนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับรัฐบาล เป็นเรื่องที่ทางการเมียนมาไปว่ากันเอง ถือเป็นสิทธิของเขา ที่จะไปปรึกษาหารือกับใคร

ย้ำว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ในส่วนของรัฐบาลก็ดำเนินการในส่วนของเราร่วมกับอาเซียน
ขณะเดียวกัน ในการช่วยเหลือสิทธิมนุษยธรรมไทย ก็ ดำเนินการต่อไปภายใต้กรอบของอาเซียน”

หลับตาย้อนยุคนางเอกนิยาย “บุพเพสันนิวาส” ฟัง ก็จะเห็นภาพ ปี พศ.๒๕๓๗ ประเทศไทย ยุค “ชวน หลีกภัย” เป็นนายกฯ

รัฐมนตรีต่างประเทศขณะนั้น ชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” จากพรรคพลังธรรม ของพลตรีจำลอง
“รุ่นใหม่-ไฟแรง” กระทรวงบัวแก้วคนหนึ่ง หน่วยก้านเตะตารัฐมนตรีต่างประเทศทักษิณมาก

คนนั้นก็คือ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รัฐมนตรีต่างประเทศวันนี้นั่นเอง
ทักษิณไม่รีรอที่จะดึงตัวมาริษมาเป็น “ทีมงานหน้าห้องรัฐมนตรี” ในทันที

ปี ๒๕๔๔ ทักษิณตั้งพรรค “ไทยรักไทย” ชนะเลือกตั้ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มาริษก็ไม่ต่างราชรถมาเกย
ทักษิณเรียกตัวจากกระทรวงต่างประเทศมาเป็น “ทีมงานหน้าห้องนายกฯ” ที่ทำเนียบรัฐบาลในบัดดล

ทำหน้าที่ ทั้งที่ปรึกษา ทั้งประสานงานด้านต่างประเทศ
จนเป็นเงาตามตัวไปทุกที่ โดยเฉพาะการเดินทางไปราชการงานต่างประเทศ
จนได้ชื่อ “มือขวาทักษิณ-ผดุง-มือซ้ายทักษิณ-มาริษ”

๑๙ กันยา.๔๙ “บิ๊กบัง-พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน” ชิงยึดอำนาจทักษิณ
ก่อนทักษิณจะปลดบิ๊กบังจากตำแหน่งผบ.ทบ.!
หนึ่งในทีมงานอยู่กับทักษิณตอนตกเก้าอี้ขณะประชุมที่ยูเอ็น
ก็ “มาริษ-รัฐมนตรีต่างประเทศ” คนนี้-ขณะนี้!

ฉะนั้น ไม่แปลก……
ในกรณี “ขี้กลากลามเมือง” ที่รัฐมนตรีต่างประเทศ จะตอบลักษณะ “ทูตประจำตัวทักษิณ”

ในเมื่อท่านบอกว่า “เพิ่งทราบเรื่อง”
กับเรื่องละเอียดอ่อนซ่อนเล่ห์มีผลกระทบต่อประเทศโดยตรงเช่นนี้ ท่านรัฐมนตรีจะตอบแบบ “อมภูมิ” ไปก่อน คนฟังก็ยังเข้าใจว่าท่าน “มีภูมิ”

แต่การตอบด้วยการ “แสดงความคิดเห็น” เช่นนี้ ท่านไม่คิดหรือ ว่าการพูดเพื่อ “เข้าตา” ทักษิณ
แต่ “ไม่เข้าหู” ประชาคมโลก อย่างไหนเป็น “ผลบวก-ผลลบ” กับประเทศ?

“ทางเมียนมาคงเห็นว่านายทักษิณจะสามารถช่วยได้ คงเป็นเรื่องที่ทางเมียนมาคุยกับนายทักษิณ”

นี่ถ้าเป็นสนามรบ การประเมินสถานการณ์ฝ่ายตรงข้ามแบบนี้ มันบ่งถึง “ไม่มีข้อมูลแท้จริง” แล้วสรุป สั่งลุย

พังนะครับ…ท่าน!

คำว่า “เมียนมา” กับ “กองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย” นี่ ตามนัยท่านพูดกับความเป็นจริงที่เป็น มันคนละเรื่องกันนะครับ

การที่รัฐมนตรีต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยบอกว่า…….
“ทางเมียนมาคงเห็นว่านายทักษิณจะสามารถช่วยได้ คงเป็นเรื่องที่ทางเมียนมาคุยกับนายทักษิณ” ก็ดี
“ฝ่ายไหนมาขอให้ทักษิณช่วย เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวรัฐบาล ไปว่ากันเอง” ต่างๆ เหล่าน้้น ก็ดี

ระวังนะครับ “ปากพาซวย” ได้ง่ายๆ

ตัวท่านไม่ซวยหรอก ประเทศตะหากจะซวย สังคมโลกฟังแล้วจะสับสน ตกลงประเทศไทย มีนโยบายอย่างไรกรณีพม่า
จะเชื่อใคร-ฟังใคร”….

ฟังรัฐบาลเศรษฐา หรือต้องฟัง-ต้องเชื่อ “ทักษิณผู้มีอำนาจสั่งการรัฐบาลเศรษฐา”?

ท่านรัฐมนตรีมาริษ ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเป็นเบื้องตนนะครับว่า
“ทักษิณ” ขณะนี้ อยู่ในฐานะ “นักโทษ” ที่ถูกคุมประพฤติ!

เศรษฐา-เพื่อไทย “เป็นพรรค-เป็นนายกฯ” ในคอกนักโทษที่ยังอยู่ระหว่างถูกคุมประพฤติ
นั่น “เฉพาะพรรค-เฉพาะคน”

แต่ “นายกฯ-รัฐมนตรี” ในความเป็น “รัฐบาลประเทศไทย”
จะแสดงให้เห็นว่า เป็น “รัฐบาลนักโทษครอบงำ” แบบนี้ไม่ได้ !

การแสดงความเห็นเชิง “ยอมรับ-สนับสนุน” บทบาททักษิณที่เข้าไปยุ่มย่ามกิจการภายในพม่า
ทำทอง “ผมเปล่ารู้..ผมเปล่าสนับสนุน” แล้วคิดว่าสังคมอาเซียน-สังคมโลกเขาจะเชื่องั้นหรือ?

ในทางพฤตินัย เขารู้-เขาเข้าใจกันโลก….
ว่า “รัฐบาลไทยวันนี้” ประหนึ่ง บริษัท “ของทักษิณ-โดยทักษิณ-เพื่อทักษิณ”

และทักษิณ กำลังพยายามกลบบทนักโทษ “โกงบ้าน-กินเมือง” ด้วยการสร้าง “บทพระเอก” ให้ตัวเอง
ด้วยการเข้าไปแส่ในปัญหาพม่า

หวังเป็นท้าวมาลีวราชไป “เชื่อมจิต” กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้เกิดสันติภาพ จะได้เป็นเหมือน “เนลสัน แมนเดลา” กะเขามั่ง

คงนึกว่าง่ายเหมือนตอนเป็นนายกฯ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้พม่า ๔ พันล้าน เพื่อซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจาก “ชินแซทเทอรไลท์” บริษัทในเครือของตัวเองกระมัง

อย่าเชียวนะ เรื่องในพม่าตอนนี้ ….
มันไม่ใช่แค่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆเหมือนก่อนๆ

มันเป็น “พื้นที่ยืมเล่น” ของชาติมหาอำนาจในสงครามชิงความเป็นเจ้าโลกสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ไปแล้ว
ไทยเรา “ดูแต่ตา-มืออย่าต้อง-ของจะเสีย” เข้าใจมั้ย?

ทั้งสหรัฐ ทั้งรัสเซัย ทั้งอังกฤษ ทั้งจีน
เขากำลังเล่นหมากรุกชิงแดนทางยุทธศาสตร์กันอยู่ เราเป็น “ไทยมุง” อยู่วงนอก อย่างที่เป็นน่ะ ดีแล้ว

“ผู้คุมประพฤติ” กรมราชทัณฑ์อยู่ไหน เพาะพันธุ์กล้วยเพลินรึไง?
ทำไมปล่อยนักโทษคุมประพฤติให้เพ่นพ่านไปหาเหาใส่หัวประเทศแบบนี้

ไปดูซิ” เงื่อนไข ๘ ข้อ” มีว่าไง
เพ่นพ่านนักละก็….
เอากลับไปขังคุกชั้น ๑๔ ตามเดิมซะดีมั้ย?

เปลว สีเงิน
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗

 

Written By
More from plew
“ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี ๒๕๖๓”
เปลว สีเงิน วันนี้ ๓๑ ธันวาคม ไหนๆ จะสิ้นปีแล้ว เขาหนีไปเที่ยวปีใหม่กันหมด เหลือผมเฝ้ากรุงคนเดียว ไม่รู้จะทำอะไรเป็นการส่งท้ายปีเก่า อย่ากระนั้นเลย….. เห็นเขาจัดอันดับบุคคลแห่งปีกันรึ่มๆ...
Read More
0 replies on “ซ่านักก็ “ส่งกลับคุก” – เปลว สีเงิน”