รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดกิจกรรมรณรงค์ยกระดับมาตรการสวมหน้ากากป้องกันโรคโควิด 19 รองรับการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวแบบปลอดภัย หลังพบแนวโน้มการสวมหน้ากากในพื้นที่สนามกีฬา/สวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวลดลงเหลือเพียง 52-54 เปอร์เซ็นต์
17 พฤศจิกายน 2563 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ยกระดับมาตรการสวมหน้ากากป้องกันโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมพร้อมลงพื้นที่รณรงค์สื่อสารให้ประชาชนภายในบริเวณศูนย์การค้าสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ดี จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก จึงได้มีมาตรการผ่อนคลายการเดินทางระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สิ่งสำคัญ คือ การปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขตลอดเวลา ได้แก่ ผู้เดินทางจากต่างประเทศได้รับการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังตามเกณฑ์และแนวทางการป้องกันควบคุมโรคในสถานที่กักกันตามมาตรฐาน การสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง และลงทะเบียนไทยชนะเมื่อไปสถานที่ต่างๆ
โดยกระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเชื่อมั่นต่อการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบนพื้นฐานประชาชนปลอดภัย เศรษฐกิจไทย
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้การวิจัยวัคซีนโควิด 19 ทั่วโลก มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่กว่าจะมีวัคซีนใช้ยังต้องรอเวลาอีกหลายเดือน ช่วงนี้จึงยังต้องคงมาตรการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนไม่ประมาท การ์ดอย่าตก เนื่องจากประเทศไทยยังมีความเสี่ยงและมีโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดใหม่ได้
โดยเกราะป้องกันโรคโควิด 19 ที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ วัคซีน DMHT ได้แก่ D : Social Distancing เว้นระยะห่าง M : Mask Wearing สวมหน้ากาก H : Hand Washing ล้างมือบ่อยๆ และ T : Testing การตรวจเร็ว รักษาเร็ว และควบคุมโรคได้เร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าจากผลการสำรวจอนามัยโพล เรื่อง พฤติกรรมการป้องกันตัวเองของประชาชนทั่วประเทศนั้น ในช่วงแรกของการระบาดประชาชนสวมหน้ากากเป็นประจำมากกว่าร้อยละ 90 แต่ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 สำรวจประชาชนจำนวน 12,842 คน พบว่าประชาชนสวมหน้ากากลดลง
โดยสวมหน้ากากเป็นประจำร้อยละ 85 โดยสวมตลอดเวลาในห้างสรรพสินค้ามากที่สุดร้อยละ 77 รองลงมา คือ โรงพยาบาล และร้านสะดวกซื้อ แต่ใน สนามกีฬา/สวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยว (อุทยาน ชายหาด) สวมหน้ากากตลอดเวลาเพียงร้อยละ 52 – 54 เท่านั้น
จึงต้องยกระดับมาตรการและแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัย เสริมสร้างความรอบรู้ ความตระหนัก และความเข้าใจ ในการดูแลป้องกันตนเองของประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้า และนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และสร้างกระแสให้คนไทยทุกคนตื่นตัว ตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง และการล้างมือ อย่างเคร่งครัด