พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันโท ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำซึ่งเป็นชุดลาดตระเวนทางน้ำ
ขึ้นเรือเร็วหรือสปีดโบ๊ทบริเวณสถานีตำรวจน้ำตากใบ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยปฏิบัติการณ์ครั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบตามริมแม่น้ำโก-ลกที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยด้าน จ.นราธิวาส กับรัฐกลันตันของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของชุดลาดตะเวนทางน้ำโดยตลอดแนวตะเข็บชายแดนระยะทางตั้งแต่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลกและ อ.แว้ง รวมระยะทาง 95 กิโลเมตร ที่เป็นช่องทางธรรมชาติที่ถือว่าเป็นจุดสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะมีผู้ลักลอบข้ามฝั่งเข้ามายังประเทศไทยโดยอาศัยช่องทางธรรมชาติเหล่านี้
ที่สำคัญสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะสกัดกั้นและตรวจสอบต่อการเล็ดลอดของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะนำมาแพร่ระบาดในฝั่งประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ประเทศมาเลเซียกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ยังคงต้องมีมาตรการปิดประเทศหรือล็อคดาวน์เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า “ในวันอังคารที่จะถึงนี้จะมีการประชุมกองกำลัง 3 ฝ่ายรวมทั้งภาคประชาชนในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง ว่าจะต้องมีมาตรการอย่างเข้มข้นอย่างไรเพิ่มเติมกันบ้าง เนื่องจากรัฐกลันตันของมาเลเซียยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ถ้าคนทางฝั่งนั้นมีการแอบลักลอบเข้ามา นำเชื้อโควิดเข้ามาในไทยเรา จะระบาดรอบสองได้
ที่สำคัญในห้วงนี้มาเลย์มีนโยบายผลักดันแรงงานต่างด้าวกลับออกนอกประเทศของ และอาจจะทะลักข้ามมาฝั่งไทยได้ ที่ผ่านมามีการจับกุมได้หลายครั้ง ทั้งจับกุมผู้นำพาด้วย ทำกันเป็นขบวนการ อย่างไรก็ตามทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาตรงจุดนี้จึงได้สนับสนุนเรือสปีดโบ๊ทจำนวน 2 ลำเพื่อปฏิบัติภารกิจในการลาดตะเวนทางน้ำของชุดป้องกันชายแดนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาของคนไทยและแรงงานต่างด้าวจากประเทศมาเลเซีย”
ทั้งนี้ พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เน้นย้ำกับกำลังพลซึ่งเป็นชุดป้องกันชายแดน หรือ ปชด. ที่ประกอบด้วย 3 กองร้อย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดสนับสนุนภารกิจ ทั้งหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ที่จัดกำลังเข้าเสริมผลัดเปลี่ยนหมนเวียนในแต่ละผลัดในการเฝ้าระวังการลักลอบข้ามแดนอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งแนวตะเข็บ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง
ให้เฝ้าสอดส่องดูแลพร้อมจัดกำลังคุมเข้มพื้นที่แนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าพื้นที่โดยผิดกฎหมาย อีกทั้งได้กำชับหากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำบุคคลต่างด้าวเข้าในพื้นที่ให้รายงานให้ทราบเพื่อดำเนินการขั้นเด็ดขาด