เมื่อวันที่ 27 ต.ค.63 เวลา 21.25 น. ณห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรอาคารรัฐสภาชั้น 2 ถนนสามเสนแขวงถนนนครไชยศรีเขตดุสิตกรุงเทพฯในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่รับผิดชอบงานหลายด้านว่า
ตนก็ถูกโจมตีจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยอยู่ตลอดเวลาขอชี้แจงว่ารัฐบาลใช้ Big Data ในการบริหารราชการแผ่นดินในการใช้งบประมาณให้ลงตรงถึงประชาชนระดับฐานรากให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเพียงพอพยายามแก้ปัญหาทุกมิติอย่างค่อยเป็นค่อยไปคัดแยกตัวเลขผู้มีรายได้ในระดับต่างๆเพื่อกำหนดมาตรการดูแลคนที่มีรายได้ที่แตกต่างกันซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยขณะนี้ กรณีให้ตนลาออกเพราะบริหารประเทศล้มเหลว ขอให้มองย้อนไปในปี 2549 และปี 2557 ที่มีการชุมนุมมีใครลาออกหรือไม่ มีใครทำความผิดหรือไม่ ยืนยันตนเองก็รักลูกหลาน รักเด็ก นิสิตนักศึกษาทุกคนคือพลังของแผ่นดินในวันข้างหน้า ต้องสร้างความเข้าใจกันว่าบทบาทของใครอยู่ตรงไหน ใครที่จะเป็นผู้ชี้นำในทางที่ถูกต้องและสงบ ทุกคนคือเสียงหนึ่งของคนไทย ของประเทศไทย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวยอมรับวันนี้โลกเปลี่ยน วอนอย่าฟังความข้างเดียว ทุกอย่างมีที่มา เช่น ชุดนักเรียน ทำให้เกิดการประหยัด ไม่มีการแข่งขันไม่มีความแตกต่างสำหรับทรงผม ก็เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่เด็กนักเรียนนักศึกษา เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการใช้โทรศัพท์ ใช้โซเชียลมีเดียในการขับเคลื่อน นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามปรากฏข้อมูลข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ว่า ในการเผยแพร่ข้อความต่างๆ ในโทรศัพท์ มีผู้ที่โพสต์ครั้งแรก 200 คน อีกไม่กี่นาทีต่อมาขึ้นเป็น 50,000 คนจากแอคเคาน์เดิมที่แพร่หลายช่องทาง เป็นการใช้ระบบเอไอในการโพสต์ข้อมูลต่างๆ ทั้งสิ้น
โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นความร่วมมือจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิประชาชนยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้น แต่หากเป็นการละเมิดจนเกินไป ไม่สุภาพ สังคมก็รับไม่ได้ วันนี้สังคมมีปัญหา มีสิ่งที่ไม่ควรจะเผยแพร่ขึ้นในโทรศัพท์ทุกชั่วโมง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ตลอด 2 วันที่ผ่านมา เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกัน