12 ต.ค. 63 เวลา 12.40 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พบปะสื่อมวลชนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นลง เพื่อสร้างความเข้าใจและมั่นใจถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจครอบคลุมทุกกลุ่มคนในสังคม ย้ำเดินหน้า 3 มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ประชาชนจำนวน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท มาตรการ “คนละครึ่ง” รัฐบาลออกค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง (Co-pay) ผ่านระบบ E-Wallet ให้แก่ประชาชนเพื่อซื้อของจากร้านค้าปลีกย่อยที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท
ซึ่งภารกิจสำคัญขณะนี้ คือ การบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของคนไทยให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้ รวมทั้งมีการทยอยนำคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วกว่าแสนคน
ทั้งนี้ ได้ปรับปรุงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น รวมถึงจัดทำมาตรการใหม่ ๆ เพิ่มเติมควบคู่กัน เป้าหมายหลักคือการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีเงินใช้จ่าย สนับสนุนให้ผู้ที่มีรายได้มากออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เกิดการซื้อ-ขาย กระจายเงิน ช่วยเหลือผู้ผลิต ก่อให้เกิดการผลิต การแปรรูป และการจ้างงาน สร้างรายได้ แก่ลูกจ้าง พนักงาน
นายกรัฐมนตรีขอบคุณภาคเอกชน สมาคมภาคธุรกิจ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่เข้าร่วม Workshop กับรัฐบาล และได้นำเสนอความคิดเห็น ความต้องการ ปัญหาและอุปสรรคในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างสูงต่อคณะทำงานและรัฐบาล โดยจะนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการทุกภาคส่วน ประเทศไทยเช่นเดียวกับหลาย ๆ ประเทศที่ได้เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ต้องมีจัดทำมาตรการ ซึ่งต้องคำนึงให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายตามนโยบาย “รวมไทย สร้างชาติ” ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปข้างหน้า โดยในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรียังฝากให้ประชาชนและทุกภาคส่วน ช่วยกันรักษาความสงบของบ้านเมือง เคารพกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการแก้ไปปัญหาโควิด-19 ของประเทศ หรือทำลายศักยภาพของไทยที่จะฟื้นตัวหลังโควิด-19
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมขอให้มั่นใจและไม่ต้องวิตกกังวล ในการดำเนินการมาตรการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้คณะรัฐมนตรีช่วยกันสนับสนุนมาตรการต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งโครงการจะมีต่อเนื่องไปถึงปลายปีนี้ โดยมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบถึง 2 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันก็พร้อมรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ เพื่อให้มีความเข้มแข็งทางการเงินด้วย