เปลว สีเงิน
กับคำถามที่ว่า……..
“พวกสามนิ้วจะออกมาจลาจลเมืองไปถึงไหน?”
ผมว่าโน่นแหละ
ถึงเดือนกันยา.เผลอๆ ถึงมกรา.ปีหน้า!
ปิยบุตรหรือธนาธรหรือโทนาฟไม่ได้บอกผม เพียงแต่จับแนวจากแผน “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ๕ ขั้นตอน เห็นชัดว่าปิยบุตรลอกพิมพ์เขียว “ปฏิวัติฝรั่งเศส” มาทั้งดุ้น
เพราะอย่างนั้น……..
ที่สามนิ้วเปลี่ยนจากชุมนุมทางความคิด เป็นกองโจรติดอาวุธก่อจลาจล ก็หวังสร้างความชอบธรรมให้พวกเขา โดยล่อให้รัฐใช้ความรุนแรงปราบ
รุนแรงปุ๊บ จะเข้าไป “ติดกับดัก” รัฐบาลเผด็จการปราบปรามประชาชนผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยปั๊บ!
แล้ว “เจ้าโลกสิทธิมนุษยชน” อย่างยุโรป-สหรัฐฯ ที่ขยิบตาจ้องอยู่แล้ว จะ “สวมรอย” เข้ามาแทรกทันที
การที่สามนิ้วโหมปฏิบัติการช่วงนี้ แทบทุกวัน….
ไม่ต้องสงสัยว่า ปิยบุตรยึดไทม์ไลน์ “ปฏิวัติฝรั่งเศส” มาเป็นไทม์ไลน์ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” สถาบันใช่หรือไม่?
ผมจะยกไทม์ไลน์ช่วงโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๖ มาให้ดูคร่าวๆ แล้วทุกคนจะร้อง อ๋อ…มีที่มา-ที่ไปอย่างนี้เอง!
ทำความเข้าใจโครงสร้างฝรั่งเศสนิดนึงก่อน
เดิมเป็นดินแดนใต้ปกครอง “อาณาจักรโรมัน” เหมือนทุกเมืองในยุโรป ควบคุมอำนาจโดยพระ “คริสตจักรคาทอลิก”
ก็เป็นขนบอำนาจมาเรื่อยๆ ตัดความมาถึงยุค “พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๖” ทรงให้มี “สภาฐานันดร” ขึ้น แบ่งเป็น ๓ ฐานันดร หรือ ๓ สภา
คือฐานันดรพระ, ฐานันดรขุนนาง และฐานันดรสามัญชน หรือฐานันดรไพร่ นั่นแหละ
แต่ประชุมโหวตทีไร สภาสามัญชนแพ้ ๒-๑ ทุกที
-มิถุนายน คศ. ๑๗๘๙ (พศ.๒๓๓๒)
ช่วงแผ่นดินรัตนโนสินทร์ ตรงรัชสมัย “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก”
สภาสามัญชนหรือ “สภาประชาชน” ประมาณนั้น แยกตัวออกมาประกาศคำปฏิญานตั้ง “สมัชชาแห่งชาติ” ขึ้น
เป็นอำนาจใหม่ ไม่ขึ้น-ไม่ร่วมกับสภาพระและขุนนางอีกต่อไป
ตอนนั้น ฝรั่งเศส “ข้าวยาก-หมากแพง” พระกับขุนนางเอาแต่สุขตัว ไม่สนทุกข์ยากชาวบ้าน คนก็เลยเฮสนับสนุนสมัชชาแห่งชาติ
๙ กรกฎา. “สมัชชาแห่งชาติ” ยกระดับเป็น “สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ”
สถาปนาอำนาจทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายบริหาร-ฝ่ายนิติบัญญัติ และผู้ร่างรัฐธรรมนูญ”
“ปฏิวัติเงียบ” ยึดอำนาจ “พระกับขุนนาง” โดยปริยาย
“รอแบ็สปีแยร์” ลูกพี่ใหญ่คณะก่อการ กับ “หลุยส์ แซ็ง-ฌุสต์” ลูกน้องวัย ๒๐ กว่า เก่งทั้งกฏหมาย เก่งทั้งปาก ร่วมขบวนการ
ต่อมา “แซ็ง-ฌุสต์” ที่ปิยบุตรยกขึ้นมาพล่ามทางปลุกระดมล้มเจ้าจนชินหูคนนี้แหละ สั่งตัดหัวคนเห็นต่างไม่ต่ำกว่า ๓ หมื่นหัว เดี๋ยวค่อยเล่า
๑๔ กรกฏา.สภาร่างรัฐธรรมนูญ สั่งบุกคุกบัสตีย์ ไม่ใช่ปล่อยนักโทษ หากแต่เข้าไปเอาอาวุธที่ทหารพระเจ้าหลุยส์นำไปซ่อนไว้
ตรงนี้มีประเด็น อยากให้สังเกตเป็นพิเศษ…
๑๕ กรกฏา.พระเจ้าหลุยส์ทราบการทลายคุกบัสตีย์ ทรงตรัสถาม “เขาจะกบฏกันเหรอ?”
ได้รับคำตอบว่า “มิได้พะยะค่ะ มิใช่การกบฏ แต่เป็นการปฏิวัติ”
ตรงนี้แหละที่มาของคำว่า “ปฎิรูปแบบปฏิวัติ” ในแผน “๕ ขั้นตอน” โค่นล้มสถาบันกษัตริย์ของปิยบุตรเขาละ!
ก็จะเห็นว่า การปฏิวัติฝรั่งเศสโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ คณะก่อการ ทำในระบบ ใช้ “กระบวนการสภา” เป็นตัวขับเคลื่อน ใช้มวลชนเป็นตัวรับรอง
ค่อยๆ กระชับพื้นที่ บีบพระเจ้าหลุยส์ให้ยอมและสั่งพระ-ขุนนางมาร่วม “สมัชชาแห่งชาติ” ก่อน
จากนั้น พระ-ขุนนางในสภาพ “ปลาผิดน้ำ” ก็ถูกฝายสมัชชาถ่ายอำนาจ “บริหาร-นิติบัญญัติและการร่างรัฐธรรมนูญ” ไปรวบไว้ที่ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ”
ซึ่ง “รอแบ็สปิแยร์” กมธ.ความปลอดภัยส่วนรวม ให้ “แซ็ง-ฌุสต์” รับหน้าที่ “เขียนรัฐธรรมนูญ”!
ลงท้ายทั้งรอแบ็สปิแยร์และแซ็ง-ฌุสต์ ก็กรรมสนอง
“หัวกระเด็น” คากิโยติน
เพราะรัฐธรรมนูญ “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” ที่ตัวเองเขียนให้คนอื่นใช้ แต่ตัวเอง “เสรีภาพเผด็จการ” เต็มตัว!
ตรงนี้ ปิยบุตรแกะพิมพ์เขียวมาอยู่ใน ๕ ขั้นตอนแผน “ปฎิวัติแบบปฏิรูป” อย่างที่เห็น
จึงไม่แปลกใจ ที่เห็นปิยบุตรผลักดันให้พรรคฝ่ายค้าน เสนอร่างรัฐธรรมนูญ ให้ขอแก้หมวดพระมหากษตริย์ ให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ
เป้าแรก เพื่อนำเรื่อง “ปฏิรูปสถาบัน” สู่การวิพากษ์ต่อสาธารณะ โดยกฎหมายเอาผิดไม่ได้ อย่างที่ปิยบุตรเรียกว่า “สร้างพื้นที่ปลอดภัย” ในการวิพากษ์-วิจารณ์กษัตริย์
เป้าสอง การมุ่งมั่นให้ฝ่ายค้านเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หวังไปสู่การตั้ง “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ที่เรียกสสร.
ซึ่งนั่น จะเป็นการ “ยึดพื้นที่อำนาจบริหาร-นิติบัญญัติและการร่างรัฐธรรมนูญ” ไปไว้ในมือ โดยระบบรัฐสภารับรอง
ก็แบบปฏิวัติฝรั่งเศสเปี๊ยบ…
ตั้งสมัชชาแห่งชาติก่อน แล้วยกระดับเป็น “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ถ้ารัฐสภาเราให้ตั้่งสสร.
นั่นเท่ากับว่า รัฐสภายกทั้งอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติและการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ให้กับสสร.ทั้งนิตินัยและพฤตินัย
และเท่ากับเปิดไฟเขียวให้ขบวนการล้มเจ้า จากระราน สู่การริดรอน, ล้มล้าง “สถาบันกษัตริย์” ได้ชนิดถอนราก-ถอนโคน ซึ่งจะเข้าแผนปิยบุตรเป๊ะ
เพราะการเขียนใหม่ทั้งฉบับ หมวดพระมหากษัตริย์ ก็ต้องด้วย ปิยบุตรฉวยช่องนี้ สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการใส่ร้ายป้ายสีสถาบันให้ขบวนการเขาว่า…………
ให้ตั้งองค์กร “คณะกรรมการรณรงค์การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เพื่อเดินสายรณรงค์ทั่วประเทศ “ทุกช่องทาง”
มันแทกติก “ถล่มสถาบันกษัตริย์” ด้วยเรื่องจริงผสมเท็จ-เท็จผสมจริง ได้ทุกช่องทางโดยกฎหมายเอาผิดไม่ได้
อ้างว่าเป็นการให้ข้อมูลประชาชนประกอบการตัดสินใจ สู่การนำไป “ร่างรัฐธรรมนูญ”
นี่คือแผน “ถอนศรัทธา” ระบบกษัตริย์จากจากประชาชนให้ถ่ายศรัทธานั้น ไปไว้ที่คณะก่อการแบบแยบบล
เหมือนขั้นตอนที่คณะรอแย็สปิแยร์ “ริดรอนพระราชอำนาจ” พระเจ้าหลุยส์ “จนสิ้นสภาพ” ไปเองแล้ว
จากนั้น ๔ สิงหา….
คณะรอแบ็สปิแยร์ ก็ใช้ความสุกงอม เขยิบจากปฎิรูปไปสู่การปฏิวัติ
ขั้นแรก ประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง ใช้หลัก “เสมอภาค -เสรีภาพ-ภราดรภาพ” แทนระบบเดิม เป็นการสิ้นสุด “ระบอบศักดินา” ในฝรั่งเศส แต่วันนั้น
และนี่คือคำตอบของคำถามที่ว่า….
ทำไมเดือนสิงหา.โดยเฉพาะ ๑๐ สิงหา.ขบวนการสามนิ้วจึงปฏิบัติการรุนแรงและต่อเนื่องตลอดเดือน ?
เพราะหลังล้มระบบศักดินาแล้ว เดือนตุลา.ฝ่ายอำนาจใหม่ ยกขบวนไปขับไล่พระเจ้าหลุยส์และบรมวงศานุวงค์ให้ออกจากพระราชวังแวร์ซาย ไปอยู่ชานกรุงปารีส
เห็นมั้ย เขาค่อยๆ กินข้าวทีละคำ โน้มน้าวประชาชนมาเป็นพวกให้ได้มากก่อน แล้วบีบสถาบันให้ฝ่อไปเรื่อยๆ ไม่ล้มชนิดฮวบฮาบ
เท่านี้ แม้กษัตริย์ยังมีตัวตนอยู่ก็เท่ากับไม่มีแล้ว จากปี ๑๗๘๙ ฝรั่งเศสอยู่ใต้อำนาจ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” อีก ๓ ปีต่อมา ๑๐ สิงหา.๑๗๙๒ (พศ.๒๓๓๕)
พรรคสามนิ้วแดงปารีส ยกกำลังบุกจับ “เจ้าหลุยส์ ที่ ๑๖” ไปขัง รอการพิพากษาโทษ!
นี่ไงล่ะ ที่มาวันที่ ๑๐ สิงหา.ของแก๊งสามนิ้ว……..
ปิยบุตรใช้เป็นสัญลักษณ์ส่งสัญญานให้ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ชนิดจัดหนัก-จัดเต็ม แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า!
ที่ผมบอกว่าสิงหา.แล้วก็ไม่จบ จะยาวถึงกันยา.เผลอๆ ถึงมกรา.ปีหน้า ก็เพราะ
หลังจับพระเจ้าหลุยส์ เดือนกันยา.เขาก็เปลี่ยนชื่อ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” เป็น “สภากงว็องซียงแห่งชาติ”
รอแบ็สปิแยร์ ใหญ่มาก
“แซ็ง-ฌุสต์” รุ่นใหม่เลือดแรง ผลงานล้มเจ้าเข้าตารอแบ็สปิแยร์ ตั้งให้เป็นประธานสภา เขียนรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการสุดโต่ง!
อีก ๓-๔ เดือนต่อมา
๒๑ มกรา.๑๗๙๓ (พศ.๒๓๓๖) “สภากงว็องซียงแห่งชาติ” พูดตรงๆ ก็คือ สภาใบสั่งรอแบ็สปิแยร์
ตัดสินให้นำตัว “พระเจ้าหลุยส์” ไปบั่นคอด้วยกิโยติน!
จบองก์แรก เป็นการเฉลย “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ชนิดแรดิคัลของปิยบุตร
การปฏิวัติฝรั่งเศส นั้น….
กว่าระบบกษัตริย์จะถูกลบล้างไปจนหมดสิ้นจริงๆ ยังต้องอีกร่วม ๖๐ ปี
มีประเด็นต้องทำความเข้าใจกันอีกเยอะ แต่วันนี้ ไปรับมอไซค์คืนก่อน.