9 ตุลาคม 2563 ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษากรรมาธิการการศึกษา กล่าวถึง การที่ฝ่ายรัฐบาลอ้างว่ากรณีครูทำร้ายร่างกายและกระทำรุนแรงต่อเด็กได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วนั้น
เป็นเพียงการทำบันทึกความเข้าใจกับโรงเรียนเอกชนที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลชุดนี้ถนัด คือมีเหตุแล้วค่อยแก้ไข ซ้ำยังเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เหมาะสม เพราะสิ่งที่ควรทำทันทีเมื่อเกิดเหตุรุนแรงในเด็กคือ รวบรวมแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางประเมินผลกระทบทางจิตใจและร่างกายกับเด็กทั้งหมด อำนวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองในทางคดีความต่างๆ ประเมินสุขภาพจิตครูผู้สอนอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นระบบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุก 3 เดือน เป็นต้น
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลปล่อยปละละเลยการพัฒนาและกำหนดมาตรฐานการศึกษาทั้งระบบมาโดยตลอด แม้จะมีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กำกับดูแล แต่เลขาธิการ สช. ได้ออกมายอมรับว่า ระบบราชการไม่สามารถที่จะเข้าไปดูในรายละเอียดของโรงเรียนเอกชนได้ ส่งผลให้โรงเรียนเอกชนมีอิสระในการจ้างครูได้เองและยังสามารถกำหนดมาตรฐานการสอนในแบบของตัวเอง ส่งผลให้ตั้งเป้าผลสัมฤทธิ์ (KPI) ที่ไม่เหมาะสม หรือสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย ดังนั้นรัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาโครงสร้างการศึกษาทั้งระบบด้วย
“รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความรู้ความเข้าใจโครงสร้างของการศึกษาว่าควรพัฒนาและแก้ไขทั้งระบบ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใช้จินตนาการเพราะมันพิสูจน์ได้จากคุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน”