28 กันยายน 2563 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบนโยบาย เรื่อง “ทิศทางการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ” แก่คณะผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โดยมี ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุรุจน์ นาคาศัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะเข้าร่วม
สำหรับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองปัจจุบันมีจำนวน 79,604 แห่งทั่วประเทศ เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนของชุมชนเพื่อการลงทุน สร้างอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ของประชาชนในชุมชน มีเงินทุนหมุนเวียนในกองทุนกว่า 3 แสนล้านบาท
ส่วนการขับเคลื่อนกองทุนคนในชุมชนจะเป็นผู้บริหารจัดการ รวมถึงเป็นผู้กำหนดทิศทางและบริหารจัดการภายใต้ปรัชญา 5 ประการ คือ
1) เสริมสร้างสำนึกความเป็นชุมชนและท้องถิ่น 2) ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคตและจัดการหมู่บ้านและชุมชนด้วยคุณค่า และภูมิปัญหาของตนเอง 3) เกื้อกูลประโยชน์ต่อผู้ด้อยโอกาส 4) เชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ราชการ เอกชน และประชาสังคม และ 5) กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น และพัฒนาประชาธิปไตยพื้นฐาน
โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายว่า ชุมชนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีภาคเกษตรกรรมเป็นส่วนสำคัญ และเป็นเสาหลักของประเทศ จากผลสำรวจพบว่าเฉลี่ยร้อยละ 74 % ในหมู่บ้านทำอาชีพเกษตรกรรม
ซึ่งภาครัฐต้องสนับสนุน คอยผลักดันให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวิชาการและด้านการตลาด รวมถึงเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ
ดังนั้น กทบ. จึงเป็นหน่วยงานสำคัญในการเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจฐานราก และเป็นกลไกสนองนโยบายของรัฐบาล รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ต้องทำให้ภาคเกษตรเข้มแข็งขยับขึ้นมาสู่ภาคธุรกิจ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถยืนหยัดด้วยตนเองอย่างยั่งยืน
ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนฯ ทั่วประเทศกว่า 13 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงพลังสำคัญที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ กำลังซื้อของเกษตรกรและชาวบ้านจะเป็นกำลังสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจชุมชนฟื้นตัว และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับประเทศต่อไป