“เพื่อไทย” เดินหน้าตรวจสอบทุจริตโครงการบัตรทอง เรียกร้องรัฐบาลเร่งหาสถานพยาบาลรองรับประชาชนที่เดือดร้อน

21 กันยายน 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบทุจริตโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง)

โดย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราได้ติดตามตรวจสอบโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค มาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว

เริ่มจากการที่เราเห็นระบบบริหารจัดการที่ผิดเพี้ยน ผู้นำรัฐบาลไม่มีความเข้าใจในหลักการของโครงการอย่างแท้จริง จึงทำให้ระบบการบริหารจัดการล้มเหลว กลับไปรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง แทนที่จะกระจายอำนาจและกระจายงบประมาณไปยังโรงพยาบาลโดยตรง จนทำให้เกิดปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ ทั้งที่ใช้งบประมาณมากขึ้น แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลตกต่ำลง

ซึ่งวันนี้เราพบปัญหาการทุจริตในหลายเรื่องอย่างมโหฬาร รวมถึงการด้อยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการ ซึ่งมีการใช้เงินงบประมาณไปถึง 2,900 ล้านบาท

ทั้งนี้ การทุจริตเริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกคลินิกเข้าสู่โครงการ โดยมีการร่วมมือกันระหว่างผู้บริหาร สปสช. อดีตผู้บริหารของ สปสช. และคลินิกเอกชน ซึ่งมีการล็อกสเปกคลินิกที่อยู่ในเครือข่ายแค่ 3 กลุ่มเท่านั้น ทั้งที่มีคลินิกที่พร้อมจะดำเนินการจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้รับการคัดเลือก

สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาผลพวงจากการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จนทำให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในกรุงเทพต้องประสบปัญหา ไม่มีที่รักษาพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยเรื้อรัง ที่จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องกำลังเผชิญกับปัญหาอย่างหนัก

ทั้งการไม่มีสถานพยาบาลรองรับ หรือให้ย้ายไปใช้ โรงพยาบาลของรัฐที่มีความแออัดอยู่แล้ว ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ ไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงทีหรือต้องรอคิวเป็นเวลานาน

ซึ่งการแก้ปัญหาแบบไม่รับผิดชอบโดยไม่มีแผนรองรับได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และได้สร้างปัญหาให้กับโรงพยาบาล และแพทย์พยาบาลที่ต้องรองรับผู้ป่วยที่ถูกโอนย้ายมา จนที่เกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลจะรับได้ เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ด้าน นายประเดิมชัย กล่าวว่า ในส่วนของการติดตามการทำงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ที่ให้บริการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนในโครงการคลินิกชุมชนอบอุ่น ที่วิวัฒนาการมาจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคแต่เดิม

มีการพัฒนางบประมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2563 และ 2564 มีมากถึง 140,000 กว่าล้านบาท ซึ่งงบประมาณจำนวนนี้ได้ถูกดำเนินการในส่วนของคลินิกชุมชนอบอุ่นในเขตพื้นที่ กทม. ประมาณ 200 แห่ง จากการติดตามตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในกลุ่มโรคเมตาบอลิก หรือโรคเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หรือไขมัน ที่จะต้องมีกระบวนการให้บริการเจาะเลือดและนำไปตรวจที่แล็บ แล้วนำมาวิเคราะห์ว่ามีความเสี่ยงของโรคดังกล่าวหรือไม่

ซึ่งในเบื้องต้นพบข้อเท็จจริงว่า มีสมาชิกจำนวน 18 คลินิก ไม่มีการนำผลเลือดของผู้ใช้บริการไปตรวจ แต่นำข้อมูลมาเบิกจ่ายงบประมาณ ในปี 2562 เป็นจำนวนเงินถึง 74 ล้านบาท


ซึ่งในส่วนตรงนี้ สปสช. ได้มีการเรียกคืนและยกเลิกการสัญญาไปแล้ว แต่ในระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา คลินิกทั้ง 18 แห่ง มีการเบิกไปแล้ว 2,913 ล้านบาท และเรียกคืนมาได้ 74 ล้านบาท

ทั้งนี้ เราได้เรียกร้องไปในการประชุมสภาที่พิจารณางบประมาณประจำปี 2564 ในวาระ 2-3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเร่งให้ สปสช. ได้ติดตามดูแลและเรียกเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายอันเป็นเท็จกลับคืนมา

แต่ยังมีคลินิกอีกกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อกลุ่มคลินิกทั้ง 18 แห่ง และไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 63 คลินิก ที่ สปสช. ได้ออกมาแถลงว่ามีการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต และยกเลิกเป็นคู่สัญญากับ สปสช. ไปแล้ว ซึ่งเราได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. เพื่อที่จะให้ติดตามและตรวจสอบว่ามีการทุจริตในกระบวนการ สปสช. หรือไม่ ทำไมถึงยังมีคลินิกต้องสงสัยว่ายังไม่ได้เข้ารับการตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องหาและทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อปกป้องเงินภาษีของพี่น้องประชาชนต่อไป

 

Written By
More from pp
ครั้งแรกในไทย เทรดทองออนไลน์ ด้วย USD 
ดร.วชิรา อารมณ์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ฮั่วเซ่งเฮง นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร และนายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
Read More
0 replies on ““เพื่อไทย” เดินหน้าตรวจสอบทุจริตโครงการบัตรทอง เรียกร้องรัฐบาลเร่งหาสถานพยาบาลรองรับประชาชนที่เดือดร้อน”