กระทรวงสาธารณสุข พัฒนายกระดับ อสม. เป็นหมอประจำบ้าน แกนนำเฝ้าระวัง ควบคุมป้องกันโรคในชุมชน พร้อมเปิดเมือง เปิดพื้นที่สาธารณะ สู่ตำบลวิถีชีวิตใหม่ ปลอดภัยจากโควิด 19
17 กันยายน 2563 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และคณะผู้บริหาร
เปิดการประชุมวิชาการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการขับเคลื่อนตำบลวิถีชีวิตใหม่ ปลอดภัยจากโควิด 19 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน นำเสนอวิชาการในรูปแบบนิทรรศการมีชีวิต จัดโดยศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 9 นครราชสีมา ร่วมกับชมรม อสม. เขตบริการสุขภาพที่ 9 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 800 คน
นายอนุทินกล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นับเป็นกำลังที่สำคัญและเป็นกลไกที่เข้มแข็งของระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ดูแลสุขภาพประชาชนในชุมชนมากว่า 40 ปี ซึ่งในช่วงสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ผ่านมา อสม. เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตินั้นมาได้ จนเป็นที่ยอมรับจากองค์การอนามัยโลก และนานาประเทศทั่วโลกมาแล้ว
ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติค่าตอบแทนการปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด 19 จำนวน 7 เดือน เป็นเงิน 3,500 บาท เพิ่มจากค่าป่วยการตามปกติ เป็นการตอบแทนที่ อสม.ทุกท่านได้ทุ่มเท ดูแล ป้องกัน ให้ประชาชนทุกคนปลอดภัยจากทุกโรคไม่ใช่เฉพาะโรคโควิด 19
นายอนุทินกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดการประชุมวิชาการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั้งหมด 4 ภาค โดยเริ่มจากภาคอีสานเป็นภาคแรก เพื่อให้อสม.ได้รับความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น นำไปดูแลประชาชนในพื้นที่ เป็นการลดอัตราการเข้ารับรักษาในโรงพยาบาล
ซึ่ง อสม.จะเป็นหมอคนแรกที่ให้การดูแล หากอาการไม่ดีขึ้น ก็ให้ส่งต่อไปหาหมอคนที่ 2 ที่รพ.สต. และจะมีระบบส่งต่อไปยังหมอครอบครัวที่โรงพยาบาลใหญ่ซึ่งเป็นหมอคนที่ 3 คนไทยจะมีหมอถึงสามหมอที่จะดูแลสุขภาพ
“อสม.ทุกคนเป็นพลังในการขับเคลื่อนงานของกระทรวงสาธารณสุข เป็นหมอประจำครอบครัว ให้ความรู้และพัฒนาสุขภาพของประชาชน ดูแลตนเองได้ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โรคโควิด 19 การที่จะไม่เจอผู้ป่วยในประเทศไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่เป้าหมายของเราคือหากมีผู้ติดเชื้อที่ไหน อสม.จะไปหาเจอที่นั่น” นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ ได้มอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้กับ อสม.ดีเด่นระดับชาติ จำนวน 3 รางวัล ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 9 รางวัล และพื้นที่ต้นแบบการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ ประจำปี 2563 จำนวน 13 แห่ง ที่ได้เสียสละ อุทิศกำลังกาย กำลังใจ ในการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จนเกิดผลงานอันเป็นที่ประจักษ์