กองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันไม่เคยทอดทิ้งผู้ป่วยโควิดตามที่ปรากฎเป็นข่าวทางสื่อ

พลตรี ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีสื่อโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการนำเสนอภาพข่าวว่าทหารทิ้งผู้ป่วยโควิด 19 เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 บริเวณหน้าวัดไผ่ เขตสาทร กรุงเทพฯ ว่ากองบัญชาการกองทัพไทยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ทราบว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 นายสราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ป่วยโควิด 19 ได้เดินทางเข้ารักษาตัวภายหลังทราบว่าติดเชื้อโควิด 19 ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม ต่อมาทราบว่ารายชื่อของผู้ป่วยยังไม่ปรากฏในระบบการเข้ารับการรักษา

ดังนั้นแพทย์โรงพยาบาลสนามบุษราคัม จึงได้พูดคุยกับผู้ป่วยถึงแนวทางการปฏิบัติตนในเบื้องต้นและแนะนำให้ผู้ป่วยกลับที่พักอาศัยก่อน และในวันรุ่งขึ้นให้กลับมาเข้าระบบการรักษาต่อไป ทั้งนี้ได้มีการประสานศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด 19 ศปม. ในการอำนวยความสะดวกนำส่งผู้ป่วยกลับที่พักอาศัย

โดยในระหว่างเดินทาง พลขับได้มีการโทรติดต่อกับผู้ป่วยเป็นระยะ โดยเมื่อถึงบริเวณหน้าวัดไผ่ ผู้ป่วยขอลงเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งผู้ป่วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางกลับมายังโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เพื่อทำความสะอาดรถเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับ-ส่งผู้ป่วยรายใหม่ต่อไป กองทัพไทย ได้สอบถามถึงสาเหตุการนำเสนอข่าวในทางลบว่า มีรถทหารทิ้งผู้ป่วยโควิด ตัวผู้ป่วยเองได้ยืนยันว่า รถของเจ้าหน้าที่ที่นำส่งมิได้ทิ้งผู้ป่วยทั้ง 3 คน พร้อมทั้งยังแสดงความเสียใจที่ทำให้เกิดข่าวดังกล่าว

อีกทั้งยังขอบคุณกองทัพและบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ดูแล โดยในวันนี้ทั้ง 3 คน ได้รับการรักษา ณ โรงพยาบาลบุษราคัมเรียบร้อยแล้ว และขอยืนยันว่าข่าวสารที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด

ภาพจากเพขเฟซบุ๊ก:ข่าวทหาร

Written By
More from pp
ก.อุตฯ ยันห้องแล็ปทดสอบหน้ากากอนามัยพร้อม หลังบอร์ดเห็นชอบเป็นสินค้าควบคุม พร้อมการันตีหน้ากากอนามัยที่ดี ต้องมี มอก.
กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมพร้อมห้องแล็ปสำหรับทดสอบหน้ากากอนามัย หลังบอร์ด สมอ. เห็นชอบให้เป็นสินค้าควบคุมเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการไม่ต้องส่งสินค้าไปทดสอบยังต่างประเทศ ย้ำหน้ากากอนามัยมาตรฐาน มอก....
Read More
0 replies on “กองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันไม่เคยทอดทิ้งผู้ป่วยโควิดตามที่ปรากฎเป็นข่าวทางสื่อ”