ดำรงพุฒตาลเล่าผ่านไลน์
ผมขอโหนกระแสและเล่าวนอยู่ กับการแข่งขันเทนนิส ระดับโลกคือ US Open ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีโรคระบาดโควิด 19 เข้ามาป่วน อย่างที่รู้ๆกันอยู่
สืบเนื่องที่เล่าเมื่อวันก่อน (6 ก.ย.) ต่อพฤติกรรม ที่นักเทนนิสชาวกรีก ชื่อ สเตฟานอส ซิตซิปาส (Stefanos Tsitsipas) แหกปากตะโกนใส่พ่อซึ่งเป็นโค้ช ด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวกราด ปราศจากซึ่งความเคารพ และเกรงกลัวต่อพ่อผู้บังเกิดเกล้า และเกิดเป็นข่าว ในวงการกีฬาทั่วโลก
ในวันรุ่งขึ้น แม้กระทั่ง Indian Express ก็เอาไปลงเผยแพร่ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง
ผมในฐานะเป็นคนไทย ผู้สูงอายุ มีความคิดและความเป็นอยู่แบบ “วิถีเอเชีย” ว่า… “ผมรับไม่ได้” ต่อพฤติกรรม ที่ลูกบังอาจทำกับพ่อ ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ไปทั่วโลก และผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า จะไม่มีลูกคนไทยคนไหน ที่บังอาจ กระทำต่อบิดาผู้ให้กำเนิดแบบนี้
เพราะคนไทยเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่เลวทรามต่ำช้า ปราศจากความยำเกรง ดูไม่เคารพ ยกย่องผู้ให้กำเนิดเลย ยิ่งผมได้เห็นภาพ ใบหน้าของผู้เป็นพ่อ ที่เต็มไปด้วยความสับสน งงงวย จะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ตีหน้าปูเลี่ยนๆ เห็นแล้วผมรู้สึกสงงสาร คุณพ่ออย่างจับใจ
อดคิดกังวลไม่ได้ว่า พฤติกรรมที่ลูกชายทำกับพ่อแบบนี้ จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีตัวอย่างหนึ่ง กับเยาวชนทั่วโลก ที่ลูกๆ ทั้งหลาย จะต้องไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่างโดยเด็ดขาด
(โปรดอ่านรายละเอียด เรื่องเล่าของผมที่ลงอยู่ใน www.plewseengern.com เมื่อวันก่อน)
ความจริงมีนักเทนนิสเก่งๆ หลายคนที่ให้พ่อเป็น “โค้ช” หรือบางครอบครัวถึงแม้จะไม่ได้เป็นโค้ชแต่ก็ยกขบวนเข้ามาเชียร์ให้กำลังใจในสนามแข่ง
ซึ่งบรรดาคนกลุ่มนี้แหละที่สร้างความกดดัน ความไม่สบายใจหรือหงุดหงิดใจให้กับนักเทนนิสที่กำลังแข่งขันอยู่
ผมสังเกตเห็นอยู่เสมอว่า เวลาที่ฝ่ายของพวกตนกำลังเสียเปรียบ หรืออยู่ในภาวะเข้าด้ายเข้าเข็ม หรือแม้กระทั่งเสียแต้มเสียคะแนนให้กับคู่แข่งขัน เมื่อนักเทนนิสหันมาดูทีมโค้ช หรือกองเชียร์เขาก็จะเห็นแต่แววตาหรือสีหน้าพี่เคร่งเครียด มีคุณพ่อบางคนถึงกับก้มหน้าเอามือปิดหน้าปิดตาไม่ยอมดู ผมว่าจะยิ่งสร้างความกดดันความกังวลให้กับนักเทนนิสเป็นอย่างมาก
ผมกลับคิดว่าในภาวะที่นักเทนนิสฝ่ายตนกำลังตกที่นั่งลำบาก หรือเพลี่ยงพล้ำคู่ต่อสู้ กองเชียร์โดยเฉพาะ พ่อ แม่ก็จำเป็นต้องฝืนยิ้มให้กำลังใจลูก ด้วยสีหน้าและแววตาที่มีความจริงใจเอาใจช่วย และไม่รู้สึกที่จะตำหนิติเตียนถ้าลูกผิดพลาด
พ่อแม่นั้นพร้อมที่จะอยู่ฝ่ายลูกอยู่แล้วแพ้ชนะนั้นไม่สำคัญ ผมว่าลูกที่กำลังอยู่ในศึกใหญ่ของการแข่งขันก็จะมีกำลังใจ อบอุ่นใจ คือเค้าได้มีที่พึ่งทางใจ ให้กำลังใจเขา เขาก็จะไม่กังวลใจว่าจะถูกตำหนิจะถูกต่อว่าต่อขาน ถ้ามีการผิดพลาดในเกมการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริง ที่ผมได้เห็นนั้น มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงครับ
ทุกวันนี้ ถ้าดูกีฬา ดูหนัง ดูละครแล้วก็จะต้องย้อนดูตัวเราเองด้วย