อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เยี่ยมชมกิจกรรมโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดังนี้
1) บูธแอปพลิเคชัน depa PM 2.5 (EEC) ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้น และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เข้ากับระบบ NB-IoT Network ส่งข้อมูลเข้า Data Center ประมวลผล รายงานข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน “depa PM 2.5”
ซึ่งเป็นเครื่องมือให้ประชาชนได้ใช้รับมือกับปัญหาฝุ่นควันและมลพิษ อีกทั้ง ยังได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อใช้ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ โดยนำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัดในอีอีซี (ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานขนาดใหญ่ และระบบการขนส่งทั้งทางรถบรรทุกและเรือจำนวนมาก
2) บูธของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก ให้หันมาใช้พลังงานทดแทน หรือการนำขยะบางประเภทกลับมาใช้เป็นส่วนประกอบและแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ เพื่อลดปัญหาขยะจำนวนมหาศาลที่เกิดจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยได้นำนายจิรศักดิ์ ปิตุรักษ์วงศ์ อายุ 57 ที่นำขยะมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานศิลปะ และนำออกขายมีรายได้จากศิลป์อาร์ตเขียนรูป
ภายหลังจากชมนิทรรศการ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมสินค้าโอทอประยอง ที่นำวัสดุเหลือใช้มาแปรรูป สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่ม ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอแนะให้นำทักษะต่าง ๆ เหล่านี้บรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนและนักเรียนเกิดการเรียนรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพ
สำหรับในพื้นที่ EEC ต้องเตรียมพร้อมทั้งพลังงานและโครงข่ายโลจิสติกส์ เชื่อมโยงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้เกิดการสร้างงานอย่างแท้จริง พร้อมกับนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้กระทรวงเดียวทำไม่ได้ งานหนึ่งชิ้นหรือสินค้าหนึ่งอย่าง ต้องมาจากการร่วมมือกันทำงานของหลายกระทรวงที่บูรณาการร่วมกัน
วันนี้รัฐบาลทำงานในทุกมิติ เน้นการตลาดนำการผลิต คำนึงถึงการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยี ควบคู่วิถีธรรมชาติที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน ส่งเสริมเทคโนโลยี เช่น แอปพลิเคชัน เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 การจัดการขยะ เกษตรอัจฉริยะ เกษตร BCG สร้างความเชื่อมั่น ลดความเหลื่อมล้ำ ดูแลกลุ่มเปราะบาง
“ทั้งนี้ การทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหา แต่รัฐบาลมีมาตรการป้องกันที่ดีพอ เช่น การแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งจะนำแนวทางนี้ไปขับเคลื่อนการทำงาน ขับเคลื่อนสังคมไทยตามแนวทางรวมไทยสร้างชาติ ที่สำคัญทุกคนต้องเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานสักขีพยานในโอกาสรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ก่อนเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง)