29 ก.ค.63 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค รวมถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุรชาติ เทียนทอง ดร.ลีลาวดี วัชโรบล นายประพนธ์ เนตรรังษี ลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาดค้าส่งย่านประตูน้ำ เพื่อรับฟังปัญหาและความทุกข์ยากของผู้ประกอบการที่ได้ผลกระทบอย่างหนักหลังวิกฤติโควิด-19 ทำให้ยอดขายลดลงกว่าร้อยละ 90 ขณะที่บางร้านค้าไร้ยอดเปิดบิล ผู้ค้าจึงทยอยปิดกิจการไม่สามารถแบกรับภาระหนี้สิน โดยเฉพาะต้นทุนของสินค้าและค่าเช่า และอาจทำให้รักษากิจการได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ทำให้ส่งผลกระทบแรงงานในระบบที่ทยอยตกงาน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ความหวังเดียวที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้ คือมาตรการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายใน โดยเฉพาะเงินกู้ของรัฐบาล 4 แสนล้านบาท ต้องเข้าไปให้ถูกที่ถูกทาง แก้ปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากโครงการต่างๆแล้วไม่พบว่างบประมาณจะลงมาถึงคนตัวเล็ก คนรากหญ้า ที่จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ใหม่ งบประมาณดังกล่าวจึงเป็นเสมือนงบประมาณที่ถูกนำมาแบ่งกันระหว่างพ่อค้าและข้าราชการ จึงขอให้เร่งแก้ไขหรือรื้องบประมาณใหม่ทั้งระบบ
“งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 และงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 รวมกับเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นเงินกู้มหาศาล หากรัฐบาลไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ภายใน 3 เดือน คนตัวเล็กตัวน้อยจะเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศที่อาจพังลงได้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องลงมารับฟังปัญหาเพื่อบอกว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร”
นอกจากนี้ ในส่วนของเงินกู้กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เช่น แพ็คเกจการท่องเที่ยว ซึ่งกำหนดวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 3,000 บาท โดยรัฐจะช่วยร้อยละ 40 นั้น เป็นมาตรการที่ช่วยเหลือได้เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น เพราะเงื่อนไขดังกล่าวจะทำให้คนเลือกเข้าพักกับผู้ประกอบการรายใหญ่ จึงเห็นได้ว่ามาตรการที่รัฐออกมาในหลายมาตรการนั้นเข้าไปที่ผู้ค้ารายใหญ่ทั้งหมด พรรคเพื่อไทยจึงเสนอว่าในการกระตุ้นการท่องเที่ยวควรจัดเป็นพื้นที่ ขณะที่การดูแลเอสเอ็มอีต้องช่วยไม่ให้ผู้ประกอบการเลิกการจ้างงาน
โดยเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าระบบ และช่วยเหลือค่าจ้างแรงงานผ่านร้านค้าและบริการ ซึ่งจะช่วยดูแลไม่ให้ผู้ค้าเลิกจ้างงานได้ ซึ่งเชื่อว่าร้านค้าต่างๆยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไข ส่วนการแจกคูปองการกระตุ้นเศรษฐกิจขอให้แจกตรง ซึ่งมีหลากหลายแอปพลิเคชันที่ไม่มีความยุ่งยาก รวมถึงการกระตุ้นในลักษณะพื้นที่ เช่นย่านประตูน้ำ ทั้งนี้จะช่วยประชาสัมพันธ์ในลักษณะกิจกรรมเชิญชวนให้เกิดการซื้อในลักษณะมหกรรมลดครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการซื้อขาย