ผมพูดจริงๆไม่ใช่มาอำกันเล่นนะครับว่า ผมได้ไปใช้บริการ ของ โรงพยาบาลยันฮี มาจริงๆ แต่ถ้าผมเอารูปใบหน้าของผมหลังจากทำศัลยกรรม ลงในบทความนี้ก็จะไม่ได้เห็นริ้วรอยของใบหน้าผมหลังจากผ่านมือหมอ ซึ่งทั้งผ่าตัด ทั้งจี้มาแล้ว
การที่จู่จู่ผมก็ต้องไปนอนบนเตียงในห้องผ่าตัดซึ่งเคยเห็นแต่ในภาพยนตร์แต่วันนี้ ตัวเราเองต้องมานอนบนเตียงที่มีพยาบาลมาปฎิบัติหน้าที่อยู่สองสามคน มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนและก็ตื่นเต้นหวาดเสียวที่น่าจะเล่าสู่กันฟัง
ผมไม่ได้ไป ถากกราม หรือไม่ใด้ไป ดูดไขมันใต้ตา และก็ ไม่ได้ไป เสริมดั้ง แล้วผมไปทำอะไร ?
เมื่อไม่นานนี้ได้เกิดมีสิ่งแปลกปลอมผุด ขึ้นมาตรงใต้ตาซ้ายของผม ดูแล้ว ต้องไม่ใช่ สิว หรือจะเป็นไฝ ก็ไม่เชิง และก็ไม่มีลักษณะที่ว่าจะเป็นหูด เพราะผมก็เคยเป็นหูดมาก่อน มีบางคนเรียก กระ บางคนก็เรียก ติ่งเนื้อ….
อาการ ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับผมคือ 1.มีอาการคันนิดนิด 2.เวลาที่ล้างหน้าหรือ ลูบหน้า มันรู้สึกผิดปกติ ที่มีอะไรมาสะดุดมือสะดุดนิ้ว 3.ไอ้เจ้าตุ่มนั้นมันเริ่มขยายขนาดโตขึ้นใหญ่ขึ้น
สรุปก็คือ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลยันฮีน่าจะดีที่สุดเพราะอยู่ใกล้บ้าน คุณหมอตรวจแล้วบอกว่าเป็นติ่งเนื้อซึ่งอาจจะเกิดจากเซลล์ผิวหนัง หรืออาจจะเกิดจากผมไปขยี้ตาบริเวณนั้นบ่อยๆ หรืออาจจะเกิดจากโดนแสงแดด สรุปแล้วต้องขจัดมันออกเสียในวันนั้นเลยหมอบอกว่าอาจจะเจ็บนิดหน่อยตอนฉีดยาชา ผมก็ตกลงโอเคด้วยความเห็นชอบของคุณกานดาภริยาที่เป็นคนพามาโรงพยาบาลนี้
ที่จะเล่าต่อไปนี้ผมคิดว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ สนุกๆ ชวนให้คิดชวนให้หาเหตุผลอย่างเรื่องแรก ที่เริ่มตั้งแต่ ลงทะเบียนคนไข้ พบพยาบาล ผ่านเจ้าหน้าที่ พบหมอ รวมหลายส่วนหลายแผนกผมจะต้องตอบคำถามอยู่สองข้อถูกแห่ง
คำถามคือ คุณดำรงนามสกุลอะไร กับ วันเดือนปีเกิดของผม อีกคำถามคือคุณหมอที่จะผ่าตัดผมชื่อหมออะไร?
ผมเก่งมากเลย คือ ตอบคำถามทั้งสองข้อได้อย่างถูกต้องทุกแห่งทุกแผนกทุกพยาบาลที่ถามผม
ผมเดาเอาว่าการที่ ผมต้องถูกถามชื่อ ถามนามสกุล ก็คงป้องกันการผ่าตัดผิดคน ผิดตัว ผิดโรค โดยสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะเคยผิดพลาดมาแล้ว ไม่โรงพยาบาลใดก็โรงพยาบาลหนึ่ง เพราะเวลาที่ผมนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดนั้น เค้าให้ผมใส่เสื้อใส่กางเกงใส่หมวกของโรงพยาบาล ซึ่งมันก็จะเป็นสีเดียวกันหมดไม่ว่าคนไข้คนไหนที่อยู่ในแผนกนั้นจะแต่งตัวเหมือนกัน
ดังนั้น ตรวจสอบชื่อให้แน่นอนก็อาจจะผ่าตัดผิดคนผิดโรค ยิ่งเวลาที่หมอผ่าตัดส่วนที่อยู่บนใบหน้านั้นพยาบาลจะคลุมตัว คลุมหัว คลุมหน้าตา เปิดไว้หน่อยเดียวคือ อีตรงที่จะผ่าตัด หมอไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าคนที่นอนอยู่นั้นคือนายดำรง หรือนายฌอน หรือนายประยงค์ แล้วอาจจะทำผิดดันไปดูดไขมันใต้ตาผมเข้าก็ได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมกลัวและเครียดเอามากมากก็คือเมื่อขึ้นเตียงผ่าตัดแล้วนอนหงายพยาบาลมาขออนุญาต มัดมือผมกับราวเตียงทั้ง 2 ข้าง
Oh my god!! ตายละกู สงสัยว่าเวลาผ่าตัดมันคงเจ็บมากแน่เลย เขาจึงกลัวว่าคนไข้จะเอามือไปปัดมือ (หมอ)
ก็เลย ต้องถามพยาบาลว่าทำไมต้องมัดมือผมด้วย พยาบาล กรุณาอธิบายว่า พอถึงเวลาที่จะผ่าตัดเธอจะคลุมตัวผมด้วย ผ้าที่สะอาดที่สุด ผ้าผ่านขบวนการฆ่าเชื้อโรคมาอย่างดี เขาเกรงว่า ผมเองอาจจะยกมือไปโดนผ้าผืนนั้น เชื้อโรคที่มีอยู่ที่มือของผมจะไปติดที่ผ้าผืนนั้นได้
ตอนลงมือจริงๆ หมอ ไม่ได้ถามชื่อเสียงเรียงนามของผมเลย เขาก็เริ่มต้นด้วยการ “ฉีดยาชา” ซึ่งก็เจ็บขนาดพอทนใด้ เขาช่างกะใด้เก่งว่ายาชาออกฤทธิ์แล้วก็จัดการ จี้ ติ่งเนื้อ ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งผมไม่รู้สึกเจ็บหรือร้อนอะไรเลย เพียงแต่ใด้กลิ่นเหมือนมีใครกำลังทำ “ปิ้งย่าง” อยู่ข้างๆ หมอ บางครั้งเหมือนเขาหยุดจี้แล้วใช้อุปกรณ์อื่น ขูดหรือปาดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไป ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จ
คุณพยาบาล ปิดแผลให้บอกว่า อีก 2 วันจึงค่อยเปิดแผล และให้ยาแก้ปวดกับยาปฏิชีวนะและครีมทาแผลมาด้วย
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวม 4,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เป็นธรรม โรงพยาบาลยันฮีนั้น ได้จ่ายค่าโฆษณาลงในหนังสือคู่สร้าง คู่สม อยู่หลายปี คิดเป็นเงินก็นับเป็นหลายล้านอยู่ วันนี้ได้จ่ายคืนไปบ้างผมก็เต็มใจเลยครับผม!
เพิ่มช่องทางการรับข่าวสารได้ที่ LineID:plewseengern.com หรือสแกน QR Code