ดร.อิสสระ เทียบกองทุน กปถ. กับ ป้าแก้วหาบเร่ หวังให้กองทุนฯ นำเงินสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนได้จริง

 

18 มิ.ย.63 ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในวาระรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 ว่า กองทุนดังกล่าวเกิดขึ้นตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ ฉบับที่ 12 2546 มีรายได้หลัก จากการนำเลขทะเบียนพิเศษมาเปิดประมูลให้กับประชาชนทั่วไป ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเป็นอีกเรื่องที่เป็นการยืนยันสิทธิอันเท่าเทียมของคนในประเทศไทย

แม้กองทุนจะใช้ชื่อว่า กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน แต่ปรากฎว่าระหว่างปี 57-61 มีคนไทยทุก 1 แสนคน เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากอุบัติเหตุรถยนต์บนท้องถนนเพิ่มจาก 6,700 กว่าคน เป็น 8,300 กว่าคน และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน เป็นอันดับ 9 ของโลก ซึ่งเป็นข้อมูลที่สวนทางกับความคาดหวังของกองทุน

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เข้ากลางปี 63 แต่สภาเพิ่งได้รับทราบรายงานกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว 3 ปีกว่า หากเทียบกับการที่รัฐให้เอกชน ผู้ประกอบ ห้างร้าน ส่งงบการเงินภายในเวลาไม่เกิน 5 เดือน และหากส่งช้าจะมีค่าปรับ มีบทลงโทษ ดังนั้นก่อนที่รัฐจะไปบังคับเอกชน หน่วยงานของรัฐจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่าง

ดร.อิสระ ได้แบ่งรายละเอียดของของเงินกองทุนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 723 ล้าน เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ส่วนที่ 2 335 ล้าน เป็นค่าจ้างเหมา ประกอบด้วย จ้างเหมาประชาสัมพันธ์ คิดเป็นเงิน 265 ล้าน และจ้างเหมาที่ปรึกษาศึกษาวิจัย เป็นเงิน 70 ล้าน


เมื่อเห็นยอดเงินในส่วนจ้างเหมาประชาสัมพันธ์ จากโครงการที่ดำเนินการมาจนถึงตอนนี้เกือบ 20 ปี พบว่าคนไทยแทบไม่มีใครไม่รู้ว่ามีการประมูลเลขสวย จึงได้ตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการใช้เงินถึง 265 ล้านเพื่อประชาสัมพันธ์สิ่งคนไทยรู้จักเรื่องนี้แล้ว

สำหรับยอดเงินจ้างเหมาศึกษาวิจัย 70 ล้าน หากเทียบกับเงินสำหรับการวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาต้องถือว่าสูงมาก แต่ผลลัพธ์ออกมากลับไม่ทำให้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น และแย่ลงกว่าเดิม

พร้อมกับได้เสนอแนะแนวทางการใช้เงิน 1,200 กว่าล้านบาท ไปกับโครงการที่ทำอยู่ 68 โครงการ ซึ่งล้วนเป็นโครงการที่มีภาระผูกพัน หรือเป็นโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จใน 1ปี นอกจากนี้ยังได้อภิปรายว่าเงื่อนไขในงบการเงินฉบับนี้มีปัญหา ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ และไม่สะท้อนกับความเป็นจริง ซึ่งผู้สอบบัญชี สตง. ก็ตั้งข้อสังเกตไว้เช่นกัน

ดร.อิสระ จึงตั้งข้อสังเกต 4 ประการ ที่จะฝากให้กองทุนนำไปพิจารณาปรับแก้ ประกอบด้วย

  • ประการที่ 1 ก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด กองทุนฯ จัดประมูลปีละ 120 ครั้ง ซึ่งบ่อยเกินไป ข้อเสนอแนะคือจัดให้น้อยลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย และหากจำเป็นต้องจัดก็ควรมั่นใจว่าจัดแล้วคนจะมีเงินจ่าย และจะจ่ายเงิน
  • ประการที่ 2 ควรใช้เทคโนโลยีในการประมูล ให้เต็มศักยภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ลดลงกว่านี้
  • ประการที่ 3 ควรจัดลำดับคุณภาพของลูกหนี้ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้รายงานฉบับนี้ไม่สะท้อนความเป็นจริง
  • ประการที่ 4 ไม่มีการปฏิบัติตามระเบียบวิธีการทางบัญชี มีการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และ สตง. ก็ได้แสดงความเห็นไว้ท้ายรายงานเช่นกัน

ดร.อิสระ ได้นำรูป “ป้าแก้ว” หญิงขายของหาบเร่ มาเพื่อนำเสนอใน 2 นัยยะ

  • นัยยะแรก เพื่อเปรียบเทียบต้นทุนของการทำงานของ “ป้าแก้ว” กับต้นทุนการประมูลทะเบียนเลขสวยของกองทุนฯ ว่า กองทุนฯ ไม่มีต้นทุนวัตถุดิบ เหมือน “ป้าแก้ว” ดังนั้นจึงคาดหวังว่ากองทุนฯ ต้องทำได้ดีกว่า “ป้าแก้ว”
  • นัยยะที่ 2 ทุกวันมีคนแบบ “ป้าแก้ว” ที่มีสถานะเป็นแม่ของลูก และคนอื่นๆ ที่เป็นพ่อของลูก ลูกของพ่อ ซึ่งแต่ละวันมี 60 คน ที่ออกมาจากบ้านแล้วไม่ได้กลับบ้านอีก เพราะเสียชีวิตบนท้องถนน
Written By
More from pp
อำเภอเมืองนนทบุรี ผุดไอเดีย “ถนนกินได้ ปลูกผัก ปันรัก ปันสุข ชุมชนบ้านบางประดู่เข้มแข็ง”
วันที่ 12 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา นายพิรุณ วิมลอักษร นายอำเภอเมืองนนทบุรี มอบหมายนางสาวสะอาด พิมพ์สมบูรณ์ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ)...
Read More
0 replies on “ดร.อิสสระ เทียบกองทุน กปถ. กับ ป้าแก้วหาบเร่ หวังให้กองทุนฯ นำเงินสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนได้จริง”