ผักกาดหอม
Go so big ไปกันใหญ่แล้วครับ…
นับวันยิ่งเชื่อแล้วล่ะครับว่าทำไมในอดีตเขมรถึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเอง
หูเบา สมองกลวง ปั้นเฟกนิวส์ เชื่อข่าวเท็จ หลงข่าวลวง
ผู้มีอำนาจเลือดเย็น เห็นชีวิตผู้คนเป็นผักปลา
วันนี้ข่าวสารจากสื่อหลักเขมร ก็ยังคงเต็มไปด้วยเฟกนิวส์ ที่สำคัญคนเขมรเชื่อกันหัวปักหัวปำว่าเป็นข่าวจริง
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ วานนี้ (๑๗ พฤศจิกายน) ขแมร์ไทมส์ กระบอกเสียงของฮุน เซน เอาข่าวเท็จเกี่ยวกับไทยไปขยายความ จนคนเขมรทั้งประเทศปักใจเชื่อว่าเป็นข่าวจริง
ขแมร์ไทมส์รายงานว่า…
“…รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซาร์ โสคา พร้อมภริยา เข้าเยี่ยมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ถูกทหารไทยในชุดเครื่องแบบสีดำ ทำร้ายร่างกาย ขณะเดินทางกลับจากประเทศไทย เมื่อเช้านี้
โสคา แชร์บนโซเชียลมีเดียว่าการเยือนของพวกเขาเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปทำงานที่จังหวัดบันทายมีชัย โดยคนงานคนดังกล่าวกำลังเดินทางกลับกัมพูชาพร้อมกับคนอื่นๆ กว่า ๑๐ คน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคนงานชาวกัมพูชาทั้งชายและหญิงมากกว่า ๑๐ คน รวมถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกข่มขืนโดยทหารไทยอย่างน้อย ๗ นายในเครื่องแบบสีดำ นอกจากนี้ ทหารยังถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายและทรมานคนงานชาย รวมถึงขโมยโทรศัพท์และเงินของพวกเขาอีกด้วย
มีรายงานว่าเหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันเสาร์ ใกล้ชายแดนกัมพูชา-ไทย ในเขตกำเหรียง จังหวัดพระตะบอง คนงานชาวกัมพูชา ๑๓ คน ประกอบด้วยหญิง ๖ คน ชาย ๖ คน และเด็กเล็ก ๑ คน กำลังเดินทางกลับจากประเทศไทย
พวกเขาข้ามพรมแดนเข้าประเทศกัมพูชาประมาณ ๒๒.๐๐ น. ใกล้กับด่านตำรวจตระเวนชายแดนสวายเช็ก ในหมู่บ้านสวาย ตำบลบึงเรียง
รายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า จากคำให้การของคนงานชาวกัมพูชา ทหารไทยได้หยุดรถ บังคับพาผู้โดยสารออกไป และทุบตีและทรมานอย่างโหดร้าย
มีรายงานว่าคนงานชายถูกทุบตี เตะและตีด้วยปืน ขณะที่ทหารลากหญิงสาวอายุ ๑๘ ปีออกไปและข่มขืนเป็นหมู่
หลังก่อเหตุทหารได้ขโมยเงินไป ๖,๕๐๐ บาท และโทรศัพท์มือถือ ๔ เครื่อง ก่อนจะปล่อยตัวกลุ่มคนงานกลับเข้าประเทศกัมพูชา
เมื่อเดินทางมาถึงด่านชายแดนสวายเช็ก คนงานถูกตำรวจตระเวนชายแดนกัมพูชาควบคุมตัวโดยร่วมมือกับกองกำลังทหารในพื้นที่
จากนั้นกลุ่มคนงานถูกส่งตัวไปยังศูนย์รับแรงงานในอำเภอกำเหรียงเพื่อสอบสวนเบื้องต้น
หลังจากการสอบสวน เหยื่อและคนงานคนอื่นๆ ถูกส่งตัวไปยังศูนย์สุขภาพในพื้นที่เพื่อตรวจร่างกายและรับการรักษาพยาบาล…”
นาย ซาร์ โสคา คนนี้ไม่ธรรมดานะครับ
เป็นนักการเมืองที่อยู่ในกลุ่มลูกรักของฮุน เซน เพราะเป็นมือเป็นไม้ในการทำเรื่องเทาๆ
เดือนก่อนเคยเขียนถึงนายคนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะมีชื่อกระฉ่อนอยู่ในกลุ่มแก๊งอาชญากรข้ามชาติ
“ชรีฟ เจฟเฟอร์สัน” สส.จากพรรครีพับลิกัน ในรัฐอินดีแอนา เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภาของสหรัฐฯ เพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างหน่วยงานเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ฉ้อโกงชาวอเมริกัน
ในร่างกฎหมายระบุว่า ศูนย์หลอกลวงเหล่านี้พบมากในประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันสูง
ประเด็นสำคัญร่างกฎหมายฉบับนี้ เจาะจงไปที่ตัวบุคคลด้วย ซึ่งถูกระบุอยู่ในบัญชีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (Transnational Criminal Organizations-TCO) ที่จัดทำโดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ (OFAC)
และทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับปรินซ์กรุ๊ป
ได้แก่ ซาร์ โสคา, เฉิน ซิวหลิง (Chen Xuiling) ชาวสิงคโปร์, อิง ดารา ชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในโครงการโกลเดน ฟอร์จูน ไซเอนส์ แอนด์ เทคโนโลยี ปาร์ก
รัฐมนตรีมหาดไทยกัมพูชาอยู่ในเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์!
แล้วรัฐบาลเขมรจะปราบสแกมเมอร์กันอย่างไรล่ะครับ
วันนี้ ซาร์ โสคาไปเยี่ยมคนเขมรที่กลับจากไทย มีพล็อตเรื่องทำลายประเทศไทย
โดยพื้นฐาน ความมีระเบียบวินัยของทหารไทย เหนือ ทหารเขมรเยอะครับ ฉะนั้นการที่ทหารไทยจะไปข่มขืนคนงานเขมรในช่วงเวลาแบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้
และลักลอบข้ามแดนช่วง ๔ ทุ่ม ก็แทบเป็นไปไม่ได้
ยิ่งมีผู้หญิง ๖ คนกับเด็กเล็ก ๑ คน ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
แถมมีโอกาสเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดอีกต่างหาก
เพราะข้ามแดนแบบนี้ไม่ใช่ข้ามตรงด่านแน่นอน แต่เป็นเส้นทางธรรมชาติ
ฉะนั้นเรื่องนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ เขมร สร้างเฟกนิวส์เล่นงานไทยอีกแล้ว
ถือว่าผิดต่อ Joint Declaration ที่ ฮุน มาเนต ลงนามร่วมกับ นายกฯ อนุทิน ที่กัวลาลัมเปอร์ โดยมี อันวาร์ อิบราฮิม และ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นพยาน
ข้อตกลงหนึ่งในนั้นคือ ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง และวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ทั้งช่องทางทางการของรัฐบาลหรือช่องทางไม่เป็นทางการ เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ
ก็เป็นวิธีการจัดฉากในรูปแบบเขมรล่ะครับ…คือ ไม่เนียน มีพิรุธให้จับได้อยู่ตลอด
ทั้งๆ ที่มีหลักฐานว่าชาวเขมรกลุ่มนี้ถูกทหารไทยทำร้าย และทรมาน
แต่ภาพข่าวในการเข้าเยี่ยมของ “ซาร์ โสคา” มีเพียงหญิงสาวสวมเสื้อผ้ารัดกุม นุ่งกางเกงวอร์มขายาว เสื้อยืดแขนยาว นั่งบนเตียงผู้ป่วย
ไม่มีการโชว์บาดแผลจากการถูกทรมานใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่สามารถนำไปเป็นหลักฐานฟ้องโลกว่า ทหารไทยเลวแค่ไหน
ในข่าวระบุไว้ชัดนะครับ ทหารไทยทุบตีและทรมานอย่างโหดร้าย
มันต้องมีแผล ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายเป็นอย่างน้อย
แต่ไม่มี
หลักฐานการถูกข่มขืนได้เก็บไว้หรือไม่ จะได้ให้ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ตรวจสอบ
ใช้เป็นหลักฐานลากคอทหารไทยขึ้นศาลได้
จะหมกไว้ทำอะไรล่ะครับ “ซาร์ โสคา”
นี่แหละครับความเทาของเขมร.

