กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่โรงเรียนนานาชาติ ให้คำแนะนำมาตรการป้องกันโรคและการปฏิบัติตน พร้อมเยี่ยมชมความพร้อมในการเปิดเรียนของสถานศึกษา หลังจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง16 มิ.ย.63 ที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดี กรมควบคุมโรค พร้อมนายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ นางอรวรรณ บำรุง รองผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และคณะเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค การปฏิบัติตนของนักเรียนและบุคลากรในสถานศึกษา และเยี่ยมชมความพร้อมในการเปิดเรียน
นายแพทย์ปรีชา กล่าวว่า หลังจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีมาตรการผ่อนปรนในบางกิจการหรือกิจกรรมเป็นระยะตามความเหมาะสม ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้มีการผ่อนปรนให้โรงเรียนนานาชาติสามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป โดยต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งนักเรียน บุคลากรในสถานศึกษา รวมถึงผู้ปกครองนักเรียนด้วย
ซึ่งในการเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเมื่อเปิดเรียน ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ปกครอง การปฏิบัติตนของนักเรียนและบุคลากรในสถานศึกษา รวมถึงการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน เช่น จุดคัดกรอง ห้องเรียน ห้องประชุม โรงอาหาร ศูนย์พยาบาล ห้องแยก รถรับ-ส่งนักเรียน หอพักนักเรียน-ครู เพื่อให้สถานศึกษาปลอดภัยจากโรคโควิด 19 และดำเนินการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ขอให้สถานศึกษาได้เน้นการดำเนินมาตรการเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดการแพร่เชื้อโรคดังกล่าว ดังนี้
1.จัดให้มีการคัดกรอง วัดไข้ และอาการป่วย บริเวณทางเข้าสถานศึกษาทุกเช้า เพื่อแยกผู้ที่มีอาการป่วยไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้
2.ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองนักเรียนในเรื่องการดูแลนักเรียนทั้งที่บ้านและที่สถานศึกษา
3.สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในสถานศึกษา
4.จัดให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และไม่จัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสร่วมกัน เพื่อลดความแออัด
5.จัดให้มีจุดในการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างเพียงพอ เช่น ภายในห้องเรียน โรงอาหาร โรงยิม เป็นต้น
6.มีการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสที่มีการใช้ร่วมกันบ่อย เช่น ลูกบิดประตู ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องดนตรี ปุ่มกดลิฟต์ อุปกรณ์กีฬา ของเล่นเด็ก ด้วยน้ำหรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 70%
7.จัดเตรียมห้องพยาบาลสำหรับแยกนักเรียนที่มีอาการทางเดินหายใจ ออกจากนักเรียนที่มีอาการป่วยอื่นๆ และ
8.กรณีสถานศึกษาที่มีรถรับ-ส่ง ให้ทำความสะอาดยานพาหนะบริเวณที่สัมผัสกับผู้โดยสาร เช่น ราวจับ กลอนประตู เบาะนั่ง ที่เท้าแขน เป็นต้น
นายแพทย์ปรีชา กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานของโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ แห่งนี้ พบว่ามีการดำเนินมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดการแพร่เชื้อโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการจัดจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย บริเวณประตูเข้า–ออกของโรงเรียน มีการใช้เครื่องกดสบู่เหลวอัตโนมัติ เครื่องกดเจลแอลกอฮอล์แบบใช้เท้ากด สอนวิธีล้างมืออย่างถูกต้อง จัดให้นักเรียนเว้นระยะห่าง 1–2 เมตร สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีการจัดเตรียมห้องพยาบาลสำหรับแยกนักเรียนที่มีอาการทางเดินหายใจ ออกจากนักเรียนที่มีอาการป่วยอื่นๆ และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมและเหมาะสม สามารถเป็นโรงเรียนตัวอย่างให้กับสถานศึกษาอื่นในการป้องกันควบคุมโรคดังกล่าวได้