แพทย์ผิวหนังเตือนการแพ้ยารุนแรง อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง เตือนอันตรายจากการแพ้ยา มีได้หลายแบบทั้งชนิดที่ไม่รุนแรงที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต และชนิดที่รุนแรงก่อให้เกิดความพิการ หรือถ้ารุนแรงมากอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ พร้อมแนะนำข้อสังเกตที่ทำให้สงสัยว่าอาจเกิดการแพ้ยาที่รุนแรง

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีการเสนอข่าวจาก เฟซบุ๊ก สาวเตือนอุทาหรณ์ปวดฟันคุด ซื้อยาไอบูโพรเฟนมากินเองจนเกิดอาการแพ้หนัก ผิวหนังไหม้ลอก นอนไอซียู พร้อมโพสต์ภาพผิวหนังลอกทั่วตัวนั้น

ข้อมูลดังกล่าวพบว่าเป็นอาการของการแพ้ยา โดยการแพ้ยาส่วนมากมักเกิดภายหลังการรับประทานยาในช่วง 7-21 วันหลังเริ่มทานยาครั้งแรก แต่ถ้าเคยได้รับยาชนิดนั้นๆ ที่แพ้มาก่อนแล้วอาจมีอาการได้รวดเร็วในเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังทานยาได้ สำหรับกลุ่มลมพิษหรือมีปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน (Anaphylaxis) อาการจะแสดงได้อย่างรวดเร็วหลังทานยาในเวลาเป็นนาทีถึงชั่วโมง

ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสแพ้ยาได้มากขึ้น ได้แก่ ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ เพศ ซึ่งมักพบการแพ้ยาในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย คนไข้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และคนที่มีประวัติเคยแพ้ยามาก่อน

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสทำให้เกิดการแพ้ยาได้สูง ได้แก่ ยากันชัก ยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs : Nonsteroidal anti-inflammatory drugs) ยา allopurinol ยา dapsone ยาต้านรีโทรไวรัส (antiretroviral drugs) ยากลุ่มแก้อักเสบฆ่าเชื้อ

เช่น กลุ่ม penicillin, cephalosporin, sulfonamides, β-lactam antibiotic, trimethoprim-sulfamethoxazole, minocycline เป็นต้น

ข้อสังเกตที่ทำให้สงสัยว่าอาจเกิดการแพ้ยาที่รุนแรง ได้แก่ อาการแสดงทางผิวหนัง กรณีหลังรับประทานยาแล้วมีอาการดังต่อไปนี้ คือ มีผื่นแดงทั้งตัว (Erythroderma), มีหน้าบวม ปากบวม มีผื่นหรือแผลที่ปากหรือเยื่อบุที่อื่นๆ มีอาการแสบ กดเจ็บที่ผิวหนัง มีตุ่มน้ำ มีผิวหนังลอกหลุด มีจุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง หรือมีตุ่มหนองตามตัวอย่างรวดเร็ว จะทำให้สงสัยว่าน่าจะมีอาการแพ้ยาที่รุนแรงที่ต้องรีบมาพบแพทย์

สำหรับอาการทางร่างกายอื่นๆ ที่มักพบร่วมด้วยในคนที่แพ้ยารุนแรง ได้แก่ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น


ดังนั้น ในกรณีที่คนไข้ได้รับประทานยาแล้วมีอาการดังกล่าวข้างต้นที่ทำให้สงสัยว่าอาจจะเป็นการแพ้ยาที่รุนแรง ควรหยุดยาในทันที รีบมาพบแพทย์เพื่อดำเนินการรักษาอย่างรวดเร็ว และควรนำยาที่สงสัยว่าจะแพ้มาให้แพทย์ดูร่วมด้วย ซึ่งโดยส่วนมากถ้าอาการเข้าได้กับการแพ้ยาที่รุนแรงมักจะได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้นต่อไป

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือในกรณีคนไข้เคยแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วนั้นจะแพ้ยาชนิดดังกล่าวไปตลอดชีวิต รวมถึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะแพ้ยาตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มที่ใกล้เคียงกับยาตัวเดิมที่แพ้ได้ และการได้รับยาที่เคยแพ้อยู่แล้วในครั้งถัดไป อาการที่เกิดจากการแพ้ยาในครั้งใหม่จะเกิดได้อย่างรวดเร็วขึ้นและอาจรุนแรงมากขึ้นด้วย

ดังนั้น คนไข้ควรจดจำข้อมูลการแพ้ยาของตนเอง หรือเก็บบัตรแพ้ยาไว้กับตัวเสมอ และควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนการรักษาในครั้งถัดๆ ไป และระมัดระวังเรื่องการซื้อยาเพื่อรับประทานเอง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการแพ้ยาที่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้



Written By
More from pp
“ชัยวุฒิ” ชูบิ๊กป้อม soft power เป็นนายกบนโลกความจริง ลั่น พปชร.จะรักษาชาติ ศาสนา กษัตริย์ ให้ประเทศเข้มแข็งเดินหน้าต่อได้
"ชัยวุฒิ" ชูบิ๊กป้อม soft power เป็นนายกบนโลกความจริง ลั่น พปชร.จะรักษาชาติ ศาสนา กษัตริย์ ให้ประเทศเข้มแข็งเดินหน้าต่อได้ และจะลดค่าไฟฟ้าทันทีที่ "บิ๊กป้อม"...
Read More
0 replies on “แพทย์ผิวหนังเตือนการแพ้ยารุนแรง อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้”