รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมั่นใจผลงานบูรณาการระบบสาธารณสุขของจังหวัดเชียงใหม่ สร้างมาตรฐานและความปลอดภัยทางสุขภาพให้กับประชาชน เผยเตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนาม 280 เตียง รองรับหากมีการระบาดเพิ่ม เริ่มดำเนินการได้ 29 พ.ค.นี้ และสามารถขยายได้ถึง 1,000 เตียงหากเกิดวิกฤติพบผู้ป่วยเกินคาดการณ์ เชื่อมั่นการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักได้รวดเร็วเมื่อกลับสู่สถานการณ์ปกติอีกครั้ง
13 พ.ค.63 ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมความพร้อมการบูรการการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด 19 โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ในจ.เชียงใหม่ ได้บูรณาการเชื่อมโยงกันเป็นระบบตั้งแต่การคัดกรองผู้ป่วย การรักษา จนถึงส่งตัวกลับบ้านหรือชุมชน มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสันกำแพงทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะโรคโควิด 19 ประจำจังหวัดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ แต่หากอาการวิกฤติจะมีโรงพยาบาลรองรับทั้งโรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และยังมีหอผู้ป่วยวิกฤติที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลประสาท กรมการแพทย์ กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีเตียง ICU รองรับจำนวน 22 เตียง
ส่วนกลุ่มผู้ติดเชื้อที่อาการไม่รุนแรง ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 280 เตียง โดยใช้ศูนย์ประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ เพื่อดูแลผู้ป่วยในระยะแรก เริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ สามารถขยายได้ถึง 1,000 เตียงหากพบการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในระลอกสอง โรงพยาบาลสนามแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา เชื่อว่าจะรองรับระบบการดูแลผู้ป่วยในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลอื่นๆ ในจังหวัดได้อีกทางหนึ่ง
นายอนุทินกล่าวต่อว่า เชียงใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกและเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญในภาคเหนือ มีนโยบายดำเนินการควบคุมการระบาดได้เป็นอย่างดี มาถึงวันนี้เป็นเวลา 35 วันแล้วที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ประสบการณ์ที่ได้จากการจัดการควบคุมป้องกันและรักษาโรคในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าจะนำไปต่อยอดให้ระบบสาธารณสุขของจังหวัดเชียงใหม่พร้อมรับมือหากมีการระบาดระลอกสองเกิดขึ้น ดังนั้นหากมองอีกมุมจะเห็นว่าวิกฤติโควิด 19 ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่จะสร้างความเชื่อมั่นด้านระบบสาธารณสุขของประทศไทย ว่ามีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับสากล
“การได้มาตรวจเยี่ยมการทำงานของโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้บูรณาการร่วมกัน ทำให้เห็นความพร้อมของทุกส่วน สิ่งที่เราทำในวันนี้เป็นการลงทุนเพื่อวันหน้า หากจบการระบาดของโควิด 19 เชื่อว่าจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังได้รับความนิยมอย่างมากอีกครั้ง สิ่งที่สูญเสียไปวันนี้ ในวันข้างหน้าจะกลับมา และเมื่อมีวัคซีนป้องกันโควิด 19 จะยิ่งเพิ่มความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย ประสบการณ์ที่ผ่านมาทางด้านสาธารณสุขจนได้รับความสำเร็จ ทำได้อย่างมีมาตรฐาน มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ เมื่อสถานการณ์ปกติจะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาอย่างแน่นอน” นายอนุทินระบุ