เปลว สีเงิน
ขอคั่นรายการ “รบล่าหัวเขมร” ซักวัน
เพื่อจะคุยถึงเรื่อง “ยุบระหว่างยิง” ที่ “นายกฯ อนุทิน” หัวหน้ารัฐบาล “เสียงข้างน้อย” ประกาศ “ยุบสภา” เมื่อ ๑๑ ธ.ค.๖๘!
ชาวบ้านถาม “ยุบด้วยเหตผลใด?”
นายกฯ อนุทินตอบ “เพราะหัวหน้าพรรคประชาชนบอกให้ยุบ ผมก็ยุบ”!
“ทำไมต้องทำตามที่หัวหน้าพรรคประชาชนบอก?”
เพราะพรรคประชาชนเขาหนุนให้ภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล ด้วยเงื่อนไข ๔-๕ ข้อ
เช่น ภูมิใจไทยต้องผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ ไปสู่การ “ตั้งสสร.เขียนใหม่ทั้งฉบับ” ให้สำเร็จ จากนั้น ต้องยุบสภาภายใน ๔ เดือน
ในการแปรญัตติ ปรากฎว่า กรรรมาธิการ “ตัดอำนาจสว.” ทิ้งไปเลย ใช้แต่เสียง สส.ฝ่ายเดียว ต่างจากเดิมที่ในรัฐธรรมนูญระบุว่า…..
“ในวาระที่ ๓ จะต้องมีเสียง สว. ๑ ใน ๓ เห็นชอบด้วย ร่างแก้ไขนั้น จึงจะผ่าน”
๑๑ ธันวา. “ร่างแก้ไข” นี้ เข้าสภาในวาระที่ ๒
ผล….ร่างแก้ไขนี้ “แพ้โหวต”
เพราะถูก สส.และสว. “ส่วนใหญ่” คว่ำทิ้ง!
ทำเอาพรรคส้ม “เท้ง-ณัฐพงษ์” คร่ำครวญในใจ “อกหักอีกแล้วซีเรา” พร้อมประกาศ
“ผลออกมาแบบนี้ “นายกฯ อนุทิน” ควรรับผิดชอบด้วยการ “ยุบสภา” ไปเลย”
ไม่งั้น จะใช้เสียงข้างมากของพรรค “ขับไล่รัฐบาล” ด้วยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งคณะไปเลย
ง่าวแล้ว ง่าวอยู่ ง่าวต่อ และต่อๆ ไป น่าเอ็นดู๊..เอ็นดู!
ส่วนพรรคแดง “สงบ-อมเลือด”
จะแสดงท่าทีอะไรออกไปมีแต่เสียรังวัด อมเลือดไว้ดีกว่า ถ้าใครถามก็บอก “กินหมูมานาน ช่วงนี้ นายไปเข้าคอก ปากเลยแห้ง ต้องกินหมากแก้ปากแห้งไปพลางๆ ก่อน”
ประเด็นที่อยากรู้กันมาก ก็ตรงที่ว่า
“ยุบสภา” แล้ว….
จะมี “ผลดี-ผลเสีย” กับสถานการณ์บ้านเมืองยามหน้าสิ่ว-หน้าขวานตอนนี้อย่างไรหรือไม่?
ตอบคำถาม “ยอดฮิต” ก่อนเลยนะ
“คนละครึ่ง เฟส ๒” ต้องจอดไว้ก่อน เพราะติดข้อจำกัดตามกฎหมายเลือกตั้ง
อีกอย่าง ตอนนี้เป็น “รัฐบาลรักษาการ” จะทำนโยบายที่มีผลผูกพันด้านงบประมาณไม่ได้
แต่ยังมีช่องให้ลุ้นอยู่นิด “อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” บอกว่า “โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส ๒ นี้ ครม.พูดไว้ก่อนที่จะยุบสภา ด้วยเจตนาจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทำได้-ไม่ได้ ต้องไปหารือกับกกต.ก่อนว่า จะอนุมัติให้ทำได้หรือไม่ได้”!?
แล้วเรื่องพิพาทชายแดนไทย-เขมรล่ะ “รัฐบาลรักษาการ” จะสั่งการต่อไปได้มั้ย?
คำตอบ คือ ส.บ.ม.
-ครม.ชุดปัจจุบัน ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะ “คณะรัฐมนตรีรักษาการ” ตามรธน.มาตรา ๑๖๙ ได้เหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ
และเพื่อให้ภารกิจด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และการบริหารราชการแผ่นดิน ดำเนินต่อได้ตามปกติ
-รัฐบาลรักษาการ มีอำนาจสั่งการกองทัพได้สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะเป็นการป้องกันประเทศและการรักษาอธิปไตยเป็นหน้าที่ของรัฐ ตาม รธน.มาตรา ๕๒
ทั้งยังเป็นภารกิจที่ “ไม่อาจหยุดได้” แม้ในช่วงยุบสภา
-รัฐบาลรักษาการ ยังคงเป็น “ฝ่ายบริหารสูงสุด” ที่มอบนโยบายให้กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพปฎิบัติ
-รัฐบาลรักษาการ ยังสามารถใช้กำลังทหารตอบโต้หรือป้องกันตนเองได้เต็มอำนาจตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ
ภายใต้หลัก Self-Defense ตามกฎบัตรสหประชาชาติมาตรา ๕๑
ตามพรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหมและกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึก พศ.๒๔๕๗ ของไทย
เพื่อป้องกันการโจมตี การผลักดันผู้รุกล้ำและการปกป้องประชาชนไทย ถือเป็น “ภารกิจจำเป็น” ที่กระทำได้ต่อเนื่อง
-รัฐบาลรักษาการ ยังดำเนินการทางการทูตหรือสั่งหนังสือชี้แจงต่อ UN ได้ตามปกติ
การยุบสภา ไม่ทำให้การทูตหยุดลง รัฐบาลรักษาการยังคงมีอำนาจเสนอข้อมูลชี้แจงและดำเนินความร่วมมือกับนานาชาติได้
ที่สำคัญ…
“ด้านความมั่นคง” กองทัพไทย ยังคงปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง
มีบางเรื่องเหมือนกัน ที่เป็น “ข้อห้าม” ที่รัฐบาลรักษาการทำไม่ได้ คือ
-ห้ามทำโครงการใหม่ ทำข้อตกลงใหม่ที่ผูกพัน ครม.ชุดใหม่
– ห้ามนำทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง
มีอีก ๒ เรื่อง ถ้ารัฐบาลรักษาการจะทำ ต้องขออนุญาตกกต.ก่อน คือ
-การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และ
-การใช้งบประมาณ, งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
นอกนั้น “รัฐบาลรักษาการ” มีอำนาจเหมือนเดิมทุกประการ! ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยได้
แต่ถ้าต้องใช้ “งบกลาง” เพิ่ม….
รัฐบาลรัษาการ จะต้องขอ กกต. ตามรัฐธรรมนูญก่อน!
ส่วนเรื่องการเลือกตั้งนั้น เห็นว่า จันทร์ที่ ๑๕ ธันวา.นี้ รัฐบาลนัดกกต.ประชุมหารือกัน
ถ้าดูตามเทอมเวลา เมื่อยุบสภา รัฐธรรมนูญบอกต้องเลือกตั้งภายใน ๔๕ วัน หรือไม่เกิน ๖๐ วัน
-ราวๆ ๑๖ ธันวา.ประกาศวันเลือกตั้ง
-ราวๆ ๒๐-๒๘ ธ.ค. ประกาศรับสมัครสส.
-๒๕ ม.ค. -๙ ก.พ.๖๙ เลือกตั้ง
-กลาง พ.ค. โหวตนายกฯ คนใหม่
-ปลายพ.ค. ตั้งครม.
นี่ก็เนาๆ ไว้เท่านั้น ช่วงนี้ มีตัวแปรเยอะ ทั้งภัยธรรมชาติ ทั้งสู้รบชายแดน การจะกำหนดวันเลือกตั้งให้แน่นอนนั้น กกต.คงต้องมีแผน ๑ แผน ๒ เป็นทาง “เผื่อเหลือ-เผื่อขาด” ไว้ด้วย
รวมไปถึงการทำหน้าที่ “รัฐบาลรักษาการ” อาจต้องอนุวัฒน์ไปตามสภานการณ์จำเป็น บางทีอาจ “ยาวไปก่อน” ก็เป็นได้!
จะว่าไปแล้ว การยุบสภาครั้งนี้ เป็นผลดีต่อบ้านเมืองในภาวะมีกรณีพิพาทระหว่างประเทศซึ่งเกี่ยวพันถึงเวทีโลก
ไม่ต้องดูอะไรมาก เห็นบอกว่า ๓ ทุ่มครึ่ง วันที่ ๑๓ ธันวา.คือเมื่อคืน “ประธานาธิบดีทรัมป์” จะโทรมาคุย “นายกฯอนุทิน” ให้ไปนั่งโต๊ะเจรจาสันติเพียบกับเขมร!
ในความเป็น “นายกรักษาการ” คุณอนุทินไม่สามารถลงนามหรือเจรจาระหว่างประเทศซึ่งจะมีผลผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้าได้
ฉะนั้น การคุยกับทรัมป์ครั้งนี้……
แค่ถามไถ่… “ไปไหนมา กินข้าว-กินปลาแล้วหรือยังจ๊ะ” แบบนี้ละก็ได้
แต่ถึงขั้นเจรจาตกปาก-รับคำเป็นสัญญาผูกพันเป็นท่าทีใหม่ในปัญหาไทย-เขมรให้ผิดจากที่เป็นอยู่ขณะนี้…ไม่ได้
นายกรักษาการ “ไม่มีอำนาจ” ถ้าทำก็ผิด!
การ “ยุบสภา” ตอนนี้ เท่ากับ “ฟ้าเป็นใจ” ที่นายกรักษาการ มีเหตุผลใช้ตอบ “ประธานาธิบดีทรัมป์” ได้ตามสัตย์จริงว่า
“ไม่อาจเจรจาที่จะเปลี่ยนแปลง ทำข้อตกลงใหม่ใดๆ ได้ ในเรื่องไทย-เขมร เพราะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ”
การป้องกันอธิปไตยเป็นอำนาจเต็มของกองทัพ พิพาทไทย-เขมรครั้งนี้ ได้ยินกองทัพเขาให้สัญญาประชาคมไว้ว่า
“จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
ดังนั้น “รัฐบาลรักษาการ” จะไปสั่งห้ามกองทัพเขาไม่ได้หรอก!
มีแต่ “ประธานาธิบดีทรัมป์” คนเดียวเท่านั้น ที่จะไปสั่งฮุนเซนให้เอาดอกไม้-ธูปเทียนมากราบตีนขอขมาทหารไทย
และรับปาก เลิกเป็น “ศูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอร์”
นั่นแหละ ไทยอาจจะลูบหัว และ “ให้อภัย” กับ
“ไอ้เฒ่าสารพัดพิษ” ตัวนี้!
เปลว สีเงิน
๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๘

