ทางเลือกที่ไม่รอด #ผักกาดหอม

ทางเลือกที่ไม่รอด #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยุบสภาก่อนปีใหม่นี่…จบเลยนะครับ

คนละครึ่งเฟส ๒!

ก็อย่างที่นายกฯ อนุทินบอก ให้ประชาชนไปเบลมเอากับคนที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกันเอาเอง เพราะเป็นสาเหตุให้ต้องยุบสภา

แก้รัฐธรรมนูญก็จบนะครับ

พรรคส้มก็ไปไล่บี้เอากับพรรคเพื่อไทยนู้น…

แต่…เชื่อเถอะครับ พรรคเพื่อไทยไม่กล้ายื่นซักฟอกหรอกครับ ถ้าหวังจะสกัดกระแส “อนุทิน-ศุภจี” ไม่ให้ร้อนแรงไปกว่านี้ด้วยการเร่งให้ยุบสภา ถือว่าพลาดอย่างแรง

พรรคเพื่อไทยมองหน้าประชาชนที่คาดหวังคนละครึ่งเฟส ๒ ไม่ติดแน่

แถมแทนที่จะลดกระแส กลายเป็นไปเพิ่มกระแสให้พรรคภูมิใจไทย

พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับสภาพครับ “แพทองธาร ชินวัตร” คือผู้มาทำลายระบอบทักษิณ

รัฐบาลเพื่อไทยหยิ่งยโสกับอำนาจที่มี ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เพราะกลัวคนอื่นได้เครดิต วันนี้มิใช่ไร้อำนาจเพียงอย่างเดียว แต่การจะกลับเข้าสู่อำนาจโดยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้

ยิ่งเล่นเกมยิ่งตกต่ำ

ถ้าไม่เชื่อก็ลองยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลครับ แล้วจะเห็นว่านรกทางการเมืองนั้นมีจริง

มีเวลาตัดสินใจก่อนปีใหม่เท่านั้น เพราะการไปยื่นหลังปีใหม่ ขณะที่ นายกฯ อนุทินประกาศว่ายุบสภาแน่ปลายเดือนมกราคม นั่นดูจะเป็นการตั้งใจเล่นการเมืองมากเกินไป

ฉะนั้นรอดูครับวันที่ ๑๒ ธันวาคม วันเปิดสมัยประชุมสภา หากพรรคเพื่อไทยยื่นซักฟอก นายกฯ อนุทินจะชิงยุบสภาทันที

เลือกตั้งราวๆ กลางเดือนมีนาคม

แต่ถ้าแค่ขู่ ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น พรรคเพื่อไทยก็เสียรังวัด

ไหนบอกจะยื่น แต่กลับไม่กล้ายื่น

งานนี้เสียทั้งขึ้นทั้งล่องครับ

“…มีการร่างญัตติไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนจะยื่นเมื่อไหร่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน เช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค ที่จะถามว่าขอเวลาที่เหมาะสม และกระบวนการในการเดินหน้าการอภิปรายจังหวะที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ ยังต้องหารือกันอยู่…”

เป็นคำยืนยันจากปาก “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ก็คงเกทับคำพูดนายกฯ อนุทินที่บอกว่า ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภารอไว้แล้ว

ฉะนั้นเอาเถอะครับไปให้สุด

เอาให้สมกับการยื่นโปรไฟไหม้ช่วงที่ชิงกันตั้งรัฐบาล ที่ว่า ถ้าพรรคส้มโหวตให้เพื่อไทย จะยุบสภาทันทีไม่ต้องรอ ๔ เดือน

“อัษฎางค์ ยมนาค” ชำแหละ ๙ สถานการณ์ที่ฝ่ายค้านกำลัง “เดินเกมผิดจังหวะ” “เล่นเกมที่ตนเองคิดว่าชนะแต่สุดท้ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” เอาไว้น่าสนใจครับ

“…ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๑ ในเร็วๆ นี้ โดยฝ่ายค้านให้เหตุผลว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมและไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นายกฯ อนุทินยืนยันว่าหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะยุบสภาทันที ไม่รอให้ถึงกำหนดเดิมสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๖๙ โดยระบุพร้อมยุบสภาได้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘

นี่คือกรณีการเมืองระดับ ‘เชิงยุทธศาสตร์’ ที่ซ่อนเกมซ้อนเกมอยู่หลายชั้นกว่าที่เห็นบนหน้าข่าว ถ้าสวมหมวกนักรัฐศาสตร์มองภาพนี้ จะเห็น ๔ มิติสำคัญ: อำนาจ, กติกา, การคุม narrative และจังหวะทางยุทธศาสตร์เลือกตั้ง

ขอวิเคราะห์ให้เห็นโครงสร้างทางการเมืองทั้งหมดแบบลึกแต่เล่าให้อ่านง่าย

๑.ทำไมอนุทิน ‘ท้า…พร้อมยุบสภา ๑๒ ธ.ค.’ ทั้งที่เคยประกาศ ๓๑ ม.ค.? นี่ไม่ใช่ความหุนหันพลันแล่น แต่เป็นการตัดเกมฝ่ายค้าน และคุมจังหวะเลือกตั้ง ในคราวเดียว ฝ่ายค้านยื่น ม.๑๕๑ = อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบมีมติ รัฐบาลเสียงข้างน้อย = แพ้แน่นอน

๒.ดังนั้นฝ่ายค้านตั้งใจ ‘บีบ’ ให้อนุทินต้องรับการซักฟอกทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะล้ม เพราะฉากที่ฝ่ายค้านรุกกลางสภาจะสร้างความเสียหายทางภาพลักษณ์ต่อรัฐบาลสูงมาก

อนุทินจึงกลับเกมด้วยการประกาศว่า ‘ถ้ายื่น ม.๑๕๑ เมื่อไหร่ ผมยุบสภาเมื่อนั้น’ มันคือการทำลายเวทีที่ฝ่ายค้านต้องการสร้างเหมือนนักมวยที่รู้ว่าขึ้นชกแล้วแพ้ เลยถอดนวมทิ้งบนเวทีทันที

จังหวะวันที่ ๑๒ ธ.ค. เป็นสัญลักษณ์ว่าฝ่ายค้านจะใช้สภาเป็นเวทีล้มรัฐบาล? ผมยุบก่อน คุณยิงใส่ผมไม่ได้ รัฐบาลเสียงน้อยจะรอให้ถูกประณามในสภา? ไม่มีวัน

๓.นี่คือการยึดพื้นที่นำเกมกลับมาไว้ในมือรัฐบาลทันที ฝ่ายค้านอยากวาดภาพว่า ‘รัฐบาลกลัวการตรวจสอบ จึงหนียุบสภา’ รัฐบาลอยากวาดภาพว่า ‘ฝ่ายค้านทำให้ประเทศเสียโอกาส ผมยุบเพื่อให้ประชาชนตัดสินเอง’ นี่คือ สงครามตีความกฎหมายเพื่อคุมความชอบธรรม ไม่ใช่แค่เรื่องตัวบท

๔.ทำไมอนุทินพูดชัดว่า ‘ต่อให้ตอบดีแค่ไหนก็แพ้’? นี่คือการกำหนดกรอบการรับรู้ของประชาชนให้เข้าใจว่า: ‘การแพ้ในสภา = ไม่ใช่เพราะบริหารล้มเหลว แต่เป็นเพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยตามโครงสร้าง’ เพื่ออะไร? เพื่อป้องกันการตีความว่า แพ้เพราะถูกเปิดโปง และเปลี่ยนเรื่องเล่าเป็นว่า แพ้เพราะคณิตศาสตร์ทางการเมือง

๕.ผลลัพธ์คือ: ปิดทางการโจมตีเชิง moral blame ลดความเสียหายภาพลักษณ์ เบี่ยงจากสนาม ‘เนื้อหาอภิปราย’ ไปสู่สนาม ‘โครงสร้างเสียง’ นี่คือการจัดกรอบให้ผู้ชมเห็นการเมืองผ่านเลนส์ที่รัฐบาลต้องการ

๖.ทำไมอนุทิน ‘พูดยืดยาวเรื่องภูมิรัฐศาสตร์-เรดาร์โลก-SDGs’? แล้วมันสัมพันธ์กับเกมยุบสภายังไง? นี่ไม่ใช่การพูดลอยๆ แต่เป็นการวาด ‘ภาพใหญ่ของผลงานและภารกิจ’ ก่อนเข้าฤดูเลือกตั้ง สัญญาณสำคัญ ใช้ความสัมพันธ์ต่างประเทศเป็น ‘ใบสมัครนายกฯ สมัยหน้า’ เขาพยายาม frame ว่าเขาเป็นผู้นำที่พาประเทศ ‘กลับเข้าจอเรดาร์โลก’ เปิดเรื่องเล่า ว่าไทยกำลังอยู่ในจังหวะเปลี่ยนผ่านโลก

ต้องการผู้นำที่ทำงานบนเวทีโลกได้ ซึ่งเขาเสนอว่า ‘เขา”’ คือคนคนนั้น ปูฐานความชอบธรรม สำหรับการยุบสภาเร็ว เพราะสามารถอธิบายว่า ‘ผมทำงานนอกประเทศจนได้โอกาสใหม่ๆ ให้ประเทศ ถ้าให้มาตามเกมการเมืองในสภา ประเทศเสียประโยชน์’

นี่คือการเอานโยบายต่างประเทศมาสร้างความชอบธรรมทางการเมืองล่วงหน้า

๗.เกมลึก: ทำไมอนุทินอยากยุบไวกว่าเดิม? สามเหตุผลใหญ่

การยุบก่อน ม.๑๕๑ จะ ‘ตัดกรรม’ พรรคฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านหวังสร้างความเสียหายจากการซักฟอก แต่ถ้ายุบก่อน ฝ่ายค้านเสียเวที รบไม่มีสนาม

จังหวะ ๑๒ ธ.ค. ทำให้พรรคตัวเองได้ ‘วิ่งก่อน’ การเลือกตั้งคือเกมจังหวะ ใครเปิดก่อน คนนั้นคุม agenda ช่วงต้น

รัฐบาลเสียงส่วนน้อยอยู่ยาวคือความเสี่ยงอยู่ทุกวัน มีค่าใช้จ่ายทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ การปิดเกมได้เร็วที่สุดคือวิธีลดต้นทุน

๘.เรื่องนี้บอกเราว่า การเมืองไทยเปลี่ยนจาก ‘ศึกนโยบาย’ เป็น ‘ศึกจังหวะ’ สภาถูกใช้เป็นสถานที่สร้าง ‘เรื่องเล่า’ มากกว่าเป็นที่แก้ปัญหา นายกฯ เข้าใจว่าความชอบธรรมในยุคนี้ไม่ได้เกิดจากเสียงในสภา แต่เกิดจากท่าทีในเวทีโลก ความรู้สึกว่า ‘ผู้นำทำงาน’ ความเร็วในการตัดสินใจ

นั่นคือเหตุผลที่อนุทินย้ำภาพว่าเขาเป็นนายกฯ ที่พา ‘ไทยกลับเข้าเรดาร์โลก’ และ ‘ทุกประเทศอยากคุย’ เพราะนี่คือทุนทางการเมืองที่ฝ่ายค้านสามารถซักฟอกได้ยากที่สุด

๙.สรุป
การท้าฝ่ายค้านของอนุทินไม่ใช่ความดื้อ แต่เป็นยุทธศาสตร์ตัดเกม ยุบเร็ว = แย่งจังหวะ

โยนเกมกลับไปให้ประชาชน = ตัดเวทีซักฟอก วาดภาพผู้นำบนเวทีโลก = ใบสมัครเลือกตั้ง ฝ่ายค้านได้เสียงทางคุณธรรม ฝ่ายรัฐบาลได้จังหวะทางยุทธศาสตร์

นี่คือการเมืองไทยที่กำลังเปลี่ยนจาก ‘เกมในสภา’ ไปเป็น ‘เกมความชอบธรรม ในสายตาประชาชนทั้งประเทศ’…”

ครับ…พรรคเพื่อไทยซึ่งมีอดีตที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยตกอยู่ในสถานะนี้

ไม่ว่าเลือกเดินแบบไหนพรรคเพื่อไทยจะยังคงเดินหน้าไปสู่จุดต่ำสุดต่อไป

เลือกแบบไหนก็ไม่รอด.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
อำเภอนาโพธิ์ เมืองบุรีรัมย์ ชวนสาวสวย และสาวสอง ทั่วประเทศ ร่วมสืบสานอัตลักษณ์ผ้าไหม ในประกวดธิดาไหมนาโพธิ์ และธิดาไหมจำแลง เปิดรับสมัครวันนี้ – 20 พ.ย. 62 นี้  
กันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ เชิญร่วมการประกวดธิดาไหมนาโพธิ์ ประจำปี 2562 เวทีแห่งเกียรติยศของสาวสวยอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ โสด มีบุคลิก กิริยามารยาทดี เฉลียวฉลาด  รอบรู้มีปฏิภาณไหวพริบ และมนุษยสัมพันธ์ดี ร่วมชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 20,000 บาท พร้อมมงกุฏและจี้เพชรมูลค่ากว่า 22,900 บาท ...
Read More
0 replies on “ทางเลือกที่ไม่รอด #ผักกาดหอม”