“รศ.ดร.ยุทธพร” ชี้ ข้อตกลงไทย-กัมพูชา คือ ความสำเร็จของฝ่ายไทย เป็นหมุดหมายสำคัญ สร้างสันติภาพ–ลดความตึงเครียดชายแดน

28 ตุลาคม 2568 รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นต่อกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และสมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามในเอกสาร “ปฏิญญาร่วมเพื่อสันติภาพและความมั่นคง” ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ณ ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้นำอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ว่า ข้อตกลงครั้งนี้มีผลดีต่อประเทศไทยหลายประการ ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจชายแดน และภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก

รศ.ดร.ยุทธพร ระบุว่า ข้อดีสำคัญประการแรก คือ การลดความตึงเครียดและฟื้นฟูความเชื่อมั่นระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงจะถอนกำลังทหารและอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน รวมทั้งคืนยุทโธปกรณ์ไปยังที่ตั้งถาวร เพื่อลดโอกาสการปะทะ พร้อมยืนยันการแก้ไขข้อพิพาทตามหลักสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ RBC, GBC และ JBC ตลอดจนยุติการข่มขู่หรือการใช้กำลัง นอกจากนี้ ยังมีการตกลงเสริมสร้างมาตรการความไว้วางใจ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ฉันมิตรอย่างยั่งยืน

ประการที่สอง คือ การเสริมความปลอดภัยของประชาชนและการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน โดยทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่เสี่ยง เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนและเปิดทางให้การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนเดินหน้าได้ รวมถึงเพิ่มความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งสแกมเมอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีไทยให้ความสำคัญ และยังตกลงจะประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก เพื่อสร้างสันติสุขให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ

ส่วนประการที่สาม คือ การยกระดับความมั่นคงและบทบาทของไทยในเวทีโลก การลงนามครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของประเทศสมาชิกอาเซียนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของอาเซียนในการจัดการปัญหาภายในภูมิภาค และเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศผู้นำด้านสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะยุติการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ วาทกรรมยั่วยุ หรือถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแยงทางข้อมูลบั่นทอนความสัมพันธ์

รศ.ดร.ยุทธพร สรุปว่า ปฏิญญาฉบับนี้เป็น “รากฐานสำคัญของการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งสู่สันติภาพถาวร” และเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นแฟ้นมากขึ้น อันจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว

ทั้งนี้ การลงนามในเอกสารดังกล่าว ไม่ใช่สนธิสัญญา แต่เป็นกรอบความร่วมมือทางการเมืองที่เปิดทางสู่สันติภาพ โดยกัมพูชาจะต้องเริ่มดำเนินการตามเงื่อนไขทั้งสี่ข้อที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน ไทยจึงจะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

“ถือเป็นการทำในสิ่งที่เราอยากให้เป็นอยู่แล้ว ทั้งการถอนอาวุธหนัก ปราบสแกมเมอร์ กู้ทุนระเบิด จัดการชายแดน เป็นความต้องการจากฝั่งไทยทั้งสิ้น เอาขึ้นมาอยู่บนโต๊ะเจรจา แล้วได้นานาชาติ มาเป็นสักขีพยาน ก็ถือว่าไทย ประสบความสำเร็จมากแล้ว ทีนี้ ก็ขึ้นกับความจริงใจของกัมพูชา ถ้ากัมพูชามีลูกเล่น ก็จะเสียความน่าเชื่อถือจากนานาชาติ ตอนนี้ กัมพูชา ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้มากนัก หลังจากโดนตั้งข้อสังเกตุจากนานาชาติ เรื่องเป็นฐานสแกมเมอร์ และการที่ชายแดนปิด กัมพูชา ได้รับผลกระทบมหาศาล เชื่อว่า กัมพูชา จะเดินตามข้อตกลงในที่สุด”.

Written By
More from pp
“ตลาดดอกไม้สี่มุมเมือง” ชวนสืบสานลอยกระทงแบบรักษ์โลก ที่เดียวครบทั้งกระทง–อุปกรณ์–ดอกไม้–มาลัย พร้อมโซนจัดแต่งดอกไม้ ศูนย์กลางค้าส่ง–ปลีก เดินง่าย เปิด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ลอยกระทงปีนี้ 5 พฤศจิกายน ชวนร่วมอนุรักษ์วิถีไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ ตลาดดอกไม้สี่มุมเมือง แหล่งรวมกระทงจากวัสดุธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ เช่น กระทงดอกไม้ กระทงขนมปัง และกระทงอาหารปลา พร้อมอุปกรณ์ทำกระทงและดอกไม้สดคุณภาพคัดสวย ให้เลือกครบทั้งแบบปลีกและส่งในที่เดียว...
Read More
0 replies on ““รศ.ดร.ยุทธพร” ชี้ ข้อตกลงไทย-กัมพูชา คือ ความสำเร็จของฝ่ายไทย เป็นหมุดหมายสำคัญ สร้างสันติภาพ–ลดความตึงเครียดชายแดน”