พอที ‘ไก่อ่อนการเมือง’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

วันสองวันมานี้เห็นอะไรเยอะครับ…

เรื่องสลับขั้ว ย้ายข้าง ของ สส.ถ้าไม่คิดอะไรมาก การเมืองไทยมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ จะให้นักการเมืองปฏิรูปตัวเอง เปลี่ยนจากดำเป็นขาวชั่วข้ามคืนคงเป็นไปไม่ได้

การปฏิรูปการเมืองนั้นมีองค์ประกอบเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการจัดองค์กรทางการเมืองเสียใหม่

แต่ที่สำคัญต้องยึดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นกรอบหลัก โดยมุ่งปรับปรุงระบบรัฐสภาให้ทันสมัย

เป็นระบบรัฐสภาแบบมีเหตุผล ไม่ใช่เสียงข้างมากลากไปทุกเรื่องโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง

ที่สำคัญต้องแก้ปัญหาทุจริต และความไม่มีประสิทธิภาพของระบบการเมืองให้ได้

วันก่อน ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ให้ทัศนะถึงสาเหตุทำไมนักการเมืองไม่ชอบพูดเรื่องปราบคอร์รัปชัน?

“…นักการเมืองน้ำเน่ามักรู้สารพัดเรื่องโกงเวลาพูดหาเสียงและตั้งวงสังสรรค์ ครั้นพอได้ ‘กุมอำนาจ’ ก็เปลี่ยนไป คงเป็นเพราะ

๑.พวกตัวเองก็โกง พูดไปหรือทำมาก จะเสียโอกาส เดี๋ยวคนที่รู้ความลับจะหมั่นไส้ ออกมาแฉ

๒.ไม่อยากเสียโอกาส ก็ตั้งใจมาแล้วว่าจะมั่งคั่ง ร่ำรวย ใหญ่คับฟ้ากับเขาบ้าง

๓.เกรงใจพวกพ้อง ทำเขาเสียประโยชน์จะพานโกรธ ทางใครทางมันดีกว่า

๔.ระบบเทาๆ คนเทาๆ อย่างนี้ดีแล้ว จะได้ครอบงำและใช้งานง่าย จากคนและระบบพวกนี้ (ข้าราชการ/พ่อค้า/การเมือง)

๕.ขัดผลประโยชน์ข้าราชการกลัวเขาเกียร์ว่าง หรือย้อนมาขุดคุ้ย ทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน

๖.ไม่เห็นความสำคัญ ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ต้นตอของปัญหาและทำลายอนาคตของบ้านเมือง ขอทำเรื่องง่ายๆ ไว้อ้างเป็นผลงานได้ เรียกคะแนนเสียงก่อน โดยเฉพาะเรื่องใช้งบและแจกเงิน

๗.พูดได้ ทำไม่เป็น…”

เห็นด้วยทุกข้อครับ!

ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาโกงกันทั้งนั้น

ภายใต้รัฐบาลอนุทินก็ไม่รอดครับ มีโกงแน่ๆ แต่จะโกงระดับไหนเท่านั้นเอง

เราต้องอยู่กับการเมืองแบบนี้ไปอีกนานพอควรทีเดียว

ที่ว่ามามิใช่ยอมจำนนต่อปัญหา

แต่มันคือความจริงของการเมืองไทยวันนี้

กับการเมืองอย่าโลกสวยครับ เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย

อย่างพรรคส้มติดหล่มแก้ทุกปัญหาด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ

เหมือนย้ำคิดย้ำทำย่ำอยู่ที่เดิม

ในขณะที่ประเทศต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่วิกฤตเข้าไปทุกที แทบไม่มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเลย สิ่งที่มีอยู่ก็ไม่รีบต่อยอด เช่น อีอีซี รัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาด้วยการแจกเงิน

หาความยั่งยืนไม่ได้เลย

ขณะที่พรรคส้มบอก ต้องแก้รัฐธรรมนูญ

ทุกปัญหาสามารถแก้ได้ด้วยแก้รัฐธรรมนูญ

จะบอกว่ามาแนวรัฐธรรมนูญนิยมก็ไม่ใช่

เป็นพวกคลั่งไคล้แก้รัฐธรรมนูญมากกว่า

ยกตัวอย่างวานนี้ (๘ ตุลาคม) “หัวหน้าเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” พูดเรื่องการย้ายพรรคว่าต้องแก้ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ

“…อาจจะเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเข้าใกล้ฤดูกาลเลือกตั้งจะมีการสลับขั้วย้ายค่ายกันบ้าง แต่รากฐานจริงของเรื่องนี้อยู่ที่ระบบการเมือง

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นกลไกที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าจะทําให้เกิดการย้ายพรรคได้ง่าย แบบ สส.งูเห่าที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา

ฉะนั้น ถ้าเราอยากได้การเมืองที่ตรงไปตรงมา ก็ต้องกลับมาแก้ไขที่ระบบการเมือง เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทําให้พรรคประชาชนให้ความสําคัญกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่…”

ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญมากี่ฉบับแล้ว ก็เห็นย้ายพรรคกันแทบจะทุกการเลือกตั้ง

อย่าไปคิดว่ารัฐธรรมนูญจะมีคุณสมบัติเหมือนยาพาราเซตามอล แก้ได้ทุกปัญหา

ถ้าจะโฟกัสเฉพาะรัฐธรรมนูญ ก็ทุบโต๊ะได้เลย รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเล่นงานนักการเมืองได้มากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา

แต่พรรคส้มไม่เอา

อ้างเหตุผลเพราะเป็นมรดกคณะรัฐประหาร แต่ก็ไม่เคยพูดให้เป็นรูปธรรมเลยว่า รัฐธรรมนูญแบบไหนที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองได้

มีแต่จะแก้หมวด ๑ หมวด ๒ รูปแบบการปกครอง สถาบันพระมหากษัตริย์

ไม่เคยสื่อสารออกมาด้วยซ้ำว่า รัฐธรรมนูญจะปราบโกงอย่างไร

กลับกัน พรรคส้มบอกไม่เอารัฐธรรมนูญปราบโกง

แล้วจะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองได้อย่างไร

เท่าที่เห็นจ้องจะเปลี่ยนระบอบการปกครองเสียมากกว่า

ความอ่อนหัดอีกเรื่องของ “หัวหน้าเท้ง” คือการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ดูผิดทิศไปหมด จนทำให้ฝ่ายค้านกลายเป็นตัวตลก

เรื่องที่ สส.ไหลเข้าพรรคภูมิใจไทย สุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อ MOA รัฐบาลจะกลายเป็นเสียงข้างมาก คำตอบ “หัวหน้าเท้ง” เหมือนท่องบทมา

“…ณ ตอนนี้ผมยังไม่เห็นว่าจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากแต่อย่างใด และคงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้น

ถ้าถึงจุดที่เราเล็งเห็นแล้วว่ามีความเสี่ยงหรือความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เราก็คงจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อล้มรัฐบาลทันที…”

ในวันที่รัฐบาลอนุทินกลายเป็นเสียงข้างมากในสภา จะไปล้มเขาได้อย่างไร

การอภิปรายไม่ไว้วางใจกี่ครั้งแล้วที่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ “หัวหน้าเท้ง” น่าจะไปหาสถิติให้ชัดก่อนที่จะพูด ไม่งั้นจะกลายเป็นการพูดส่งเดช พูดไปเรื่อย แต่ทำไม่ได้

เป็นฝ่ายค้านต้องทำงานตรวจสอบจริงจังครับ

เพราะวันหน้าเห็นบอกจะเป็นนายกฯ

ตรวจสอบเรื่องทุจริตให้เยอะๆ

รายไหนมีมูลก็เอาให้ตายอย่าได้ผุดได้เกิดทางการเมืองอีก

ถ้าต้องร้อง ป.ป.ช.ก็ร้อง รายไหนต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ต้องยื่นเรื่องไป ถ้าพบว่ามันโกงแน่ๆ หลักฐานเพียงพอร้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็รีบทำ

ไม่ใช่งอแงบอกว่ากลัวเป็นนิติสงคราม เพราะองค์กรอิสระเหล่านี้เป็นผลพวงจากรัฐประหาร

ถ้ายังคิดแบบนั้นลาออกจาก สส.ไปให้หมดเถอะครับ

เพราะ สส.ก็มาจากรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
กรมทางหลวงชนบท จัดเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัย ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
กรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 1 – 18 และแขวงทางหลวงชนบทในสังกัดทั่วประเทศ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกปลอดภัยการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566
Read More
0 replies on “พอที ‘ไก่อ่อนการเมือง’ #ผักกาดหอม”