สันต์ สะตอแมน
อุตส่าห์มานะบากบั่น..
ทุ่มเทกาย-ใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนได้เลื่อนขั้นเร็วพอๆ กับการเลื่อนคลิปสั้นบนหน้าจอมือถือ!
แต่แล้วจู่ๆ “ผู้กองแคท” ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เบ็ญจะปัก ที่เพิ่งมีชื่อได้รับการแต่งตั้งเป็น “ปลัดอำเภอ” เมืองศรีสะเกษ ก็ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครอง..
เพื่อขอลาออกจากราชการซะงั้น!
และที่ให้เหตุผลลาออกว่า.. “ประสงค์ที่จะไปประกอบอาชีพอื่น” นั้น ก็ดูจะไม่มีน้ำหนักพอเมื่อเทียบกับการดิ้นรนไขว่คว้าความก้าวหน้าในอาชีพราชการของเจ้าตัวที่ผ่านมา
หลายคนจึงมีความเห็นตรงกันว่า สาเหตุน่าจะมาจากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เส้นทางการเติบโตทางราชการของเธอเสียมากกว่า!
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล (จริง) ใด คนที่ดูจะสบายใจ-โล่งอกก็คงจะเป็นบรรดาผู้อยู่ “เบื้องหลังงานสร้าง” เพราะจะได้ไม่ต้องถูกขุดคุ้ยพฤติกรรมให้ “คุณนาย” ที่บ้านรู้ความลับ!
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้กองแคทคงไม่ได้ตกงานให้ชีวิตต้องลำบาก ด้วยเล็งเห็น “อาชีพอื่น” ที่จะไปประกอบอยู่แล้วถึงได้กล้า (ยอม) ตัดสินใจ
ก็..ไปดีเถอะนะ หรือถ้าจะกลับมายึดอาชีพนักร้องอีกแฟนเพลงก็น่าจะให้การต้อนรับอยู่ อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ..บอกให้!
พูดถึง “นักร้อง” วันก่อนเห็นภาพ “ลำไย ไหทองคำ” นั่งเปิดปลากระป๋องกินในสนามบิน ถูกแชร์ไม่กี่ชั่วโมงก็กลายเป็นกระแสไวรัลทันที
บางคนชื่นชมความติดดิน บางคนถึงกับตั้งคำถามเรื่องมารยง-มารยาทสาธารณะไปโน่น กลายเป็น “ดรามาปลากระป๋องกับสนามบิน” ไปเลย
ซึ่งในความเป็นจริง การกินปลากระป๋องในสนามบินไม่ใช่เรื่องผิดกฎมง-กฎหมาย และไม่ได้มีกฎห้ามแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่ทำให้ภาพนี้ดังก็เพราะมันชนกับ “ความคาดหวัง” ที่สังคมมีต่อคนดัง ดารา-นักร้องในสายตาหลายคนควรดูดี หรูหรา มีภาพลักษณ์ที่เหนือกว่าคนธรรมดา
เมื่อคุณลำไย ไหทองคำ นั่งกินอาหารบ้านๆ อย่างปลากระป๋อง ภาพนั้นจึงกระแทกใจและถูกหยิบไปพูดต่อตามจริตของแต่ละคนเสมือนหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่-เรื่องโต
อีกด้านหนึ่ง ดรามานี้ก็ได้สะท้อนนิสัยสังคมไทยที่มักจับตาเรื่องเล็กๆ ของคนดังมากกว่าประเด็นใหญ่ๆ..
เรื่องกิน เรื่องแต่งตัว เรื่องนั่ง-นอน-ท่าทาง สามารถจุดประกายการถกเถียงได้ไม่แพ้ข่าวการเมืองหรือนโยบายรัฐเลยทีเดียว!
และอีกอย่าง ข่าวเบาๆ แบบนี้จะกระจายไว เพราะเข้าถึงง่ายและคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทุกระดับ
สุดท้ายแล้ว เรื่องปลากระป๋องไม่ใช่เรื่องผิด-ถูก หรือ “กาลเทศะ” แต่เป็นกระจกที่สะท้อนว่า สังคมไทยยังผูกพันกับภาพลักษณ์คนดังอยู่มากพอสมควร
การกินอาหารง่ายๆ ในสนามบินจึงไม่ใช่แค่การกิน แต่กลายเป็น “วาระสาธารณะ” โดยไม่ตั้งใจ
ส่วนคนที่ติงว่า ปลากระป๋องมีกลิ่นคาวรบกวนผู้อื่นนั้น ก็น่าจะเป็นรสนิยมส่วนตัว หรือจะพูดว่านานาจิตตังก็ได้ อย่างผมได้กลิ่นปลากระป๋องทีไรก็ให้หอมหวนชวนหิวขึ้นมาทันที
แต่จะให้ไปนั่งแคะกระป๋องกินอยู่กลางสนามบิน (เมืองนอก) ก็คงจะเขินๆ-ไม่กล้า ยิ่งถ่ายคลิปให้คนอื่นเห็นด้วยแล้ว..จ้างก็ไม่เอา!
ก็แหม..ผมไม่ได้เป็นคนเด่น-คนดัง ไปทำแบบนั้นนอกจากจะเขินอายสายตาผู้คนแล้ว ก็ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์โพดผลอันใดกับตัวเอง
ต่างกับคุณลำไยที่ชื่อเสียงโด่งดัง แค่แคะปลากระป๋องกินลงคลิปก็มีคนแห่ตามดูเป็นแสนเป็นล้าน ยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยแล้วยิ่งมีคนต้องการดูเข้าไปใหญ่
นี่..ถ้าคนไทย-สังคมไทยสนใจ-เกาะติด ตามนักการเมืองโกงกินแล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์เหมือนอย่างคุณลำไยกินปลากระป๋อง ก็น่าจะช่วยประเทศชาติได้บ้างไม่มากก็น้อย
ว้า..ลงท้ายแวะการเมืองจนได้!.
