จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีการหยิบยกข้อมูลที่เกี่ยวเนื่อง จาก MOU
ปี 2543 และ MOU ปี 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา มากล่าวถึงมากยิ่งขึ้นนับแต่มีการปะทะกัน และพบการเปิดเผยข้อมูลจากทางการไทยว่าทางฝั่งกัมพูขาได้ละเมิด MOU มากกว่า 600 ครั้ง
พรรคภูมิใจไทย ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด ถึงแม้ในห้วงเวลาดังกล่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยดูแลพี่น้องประชาชน ตามศูนย์อพยพใน 4 จังหวัด (บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี) มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังติดตามสถานการณ์ในประเด็นดังกล่าวอยู่โดยตลอด โดยฝ่ายที่ต้องการยกเลิกมองว่า MOU ทั้งสองฉบับส่งผลกระทบต่อเขตแดน และปัจจุบัน ไทยกำลังเผชิญการรุกล้ำดินแดนอย่างชัดเจน ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการคงไว้ให้เหตุผลว่าจำเป็นเพื่อรักษา ช่องทางการเจรจาระหว่างประเทศ
โดยที่ MOU ปี 2543 เป็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดทำ หลักเขตแดนทางบก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชายังมีข้อพิพาทคาราคาซัง ส่วน MOU ปี 2544 เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตทางทะเลที่อุดมด้วยทรัพยากรมหาศาล โดยเฉพาะแหล่งก๊าซธรรมชาติ
พรรคภูมิใจไทย เห็นว่า หากแม้ในอนาคตจะยกเลิก MOU ปี 2543 และ MOU ปี 2544 ไทย และกัมพูชา
ก็สามารถเจรจาทวิภาคีกันได้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ เหมาะสมที่สุดที่สภาผู้แทนราษฎรควรหยิบประเด็น MOU 43 และ 44 มาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การยกเลิก
โดยทางพรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทาง
การยกเลิกที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้นมา พิจารณามีข้อมูลครบถ้วนแล้ว เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน และขั้นตอนสุดท้าย ควรฟังเสียงประชาชน โดยการจัดทำประชามติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งประเทศ
พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง พิจารณาสนับสนุนแนวทางการดำเนินการนี้ เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องของชาติบ้านเมือง อยู่เหนือการเมืองระหว่างพรรค อยู่เหนือการเมืองในประเทศ เรื่องของชาติบ้านเมืองคือการรวมใจ รักษาชาติสืบไป
21 สิงหาคม 2568