เปลว สีเงิน
ดูแนวโน้มการประชุม GBC ระดับ “คณะทำงาน” ของทั้งสองฝ่ายมา ๒ วัน
บอกได้เลย…..
ที่ “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมไทย กับ “พลเอกเตีย เซ็ยฮา” รัฐมนตรีกลาโหมเขมร ซึ่งเป็นคณะเจรจา “ชุดใหญ่” จะมาพูดจาตกลงกันนั้น
ผมว่า “เหลว”!
เหลวทั้งที่เขมรเองเป็นฝ่ายหื่นกระหายสันติภาพ ต่อสายให้ “นายกฯ อันวาร์” แห่งมาเลย์ฯ เป็นโปรโมเตอร์ จัดให้ “ไทย-เขมร” ได้เจรจาทวิภาคกัน
วันนี้ คณะทำงานของไทยจะกลับมารายงานผลการประชุมกับคณะทำงานฝ่ายเขมรในรอบ ๒ วันที่ผ่านมาให้พลเอกณัฐพลทราบ
ว่าข้อเสนอ ๘ ข้อ ฝ่ายเรา ทางเขมรว่าไง และข้อเสนอทางฝ่ายเขมรมีอะไรบ้าง เพื่อจะได้นำเสนอสมช.ว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามนั้น
ก่อนที่พลเอกณัฐพลจะบินไปเจรจากับพลเอกเตีย เซ็ยฮาในวันพรุ่งนี้ (๗ ส.ค.)ที่มาเลย์
พลเอกณัฐพล บอกนักข่าวเมื่อวานว่า ……
“เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ค่อยมีเรื่องมาเสนอมากนัก แต่ไทยได้เตรียมการไว้ ๘ ข้อ โดยฝ่าย “เลขานุการกัมพูชา” ได้รับขอเสนอไปพิจารณาและปรึกษากับผู้บังคับบัญชา”
พูดชัดๆ คือ….
เขมรต้องการรู้เรา แต่ไม่ยอมให้เรารู้เขา เมื่อรู้ข้อเสนอไทยแล้ว ก็เพียงทำหน้าที่ “แมสเซนเจอร์”
นำ ๘ ข้อเสนอของไทยไปส่งเจ้านายคือ “สองพ่อลูกตระกูลฮุน” และ “พลเอกเตีย เซ็ยฮา” ที่จะมาเจรจากับพลเอกณัฐพลพรุ่งนี้
ดูลีลาเขมรแล้ว อดที่จะเห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์ข้อความนี้
Pasakron Chong
ฮุนเซน ประหลาด
— ยิงก่อน บอก ยิงทีหลัง
— ตัวเองรุกราน บอก จะปกป้องอธิปไตย
— ทหารตายเกลื่อน ห่วงแค่ 18 คน
— เจรจาหยุดยิง แต่ยิงไม่หยุด
— เป็นอาชญากร แต่อ้างมนุษยธรรม
— ยิงรพ.แต่บอกว่าผู้ถูกยิงแล้งน้ำใจ
— แดรกสตาบัค เตรียมแผนการรบ ส่งโดรนสอดแนม แต่ไม่สนกำลังพลที่ยอมพลีชีพในสมรภูมิ
ผมขอเติมให้อีกข้อ
-บอกต้องการสันติภาพ แต่…แม่ง “เปิดก่อน” ทู้กกกที แล้วตีหน้าตายว่า…ไทยเปิดก่อน!
เนี่ย…ดูลีลาเขาแล้ว ผมจึงบอกว่า “เหลว” ฮุนเซนน่ะ ปากว่าต้องการ “สันติเพียบ” แต่ตาขยิบ
ขณะเจรจาที่มาเลย์ อยู่ทางนี้ อังเคิลสั่งเคลื่อนพลประชิดชายแดนตลอดแนว ทั้งภูมะเขือ ช่องคานม้า ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม และช่องบก
โดยเฉพาะที่ช่องคานม้า-ภูมะเขือ ซึ่งสัมพันธ์กับ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นดินแดนของไทย
แต่เขมรรุกล้ำเข้ามาปลูกบ้าน เปิดตลาด สร้างอนุสาวรีย์ตาอมมานาน
ในปฎิบัติการเอาคืน “๒๔-๒๘ กรกฏา.” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ บอกทหารไปเอากลับคืนมาให้หมดทั้งช่องคานม้า-ภูมะเขือ
ผลก็อย่างที่เราเห็น ทหารไทยขึ้นไปปักธงชาติบนยอดภูมะเขือ ถีบทหารเขมรหงายท้องตกหน้าผาไปนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างล่าง
“บันได-กระเช้า” ที่เขมรทำขึ้นภู ก็ระเบิดทิ้ง หมดทางขึ้นมาเขตไทย นอกจากเป็นตะกวดไต่หน้าผา
ไม่แค่นั้น พล.ท.บุญสินไม่ทำครึ่งๆ กลางๆ เมื่อง้างแล้วต้องยิง สั่งเครื่องจักรเข้ามาเคลียร์พื้นที่ เคลียร์กับระเบิด ตลาดบ้านช่องที่เขมรรุกล้ำเข้ามาปลูก กวาดเกลี้ยง
แล้วล้อมรั้วลวดหนาม พรอมปักป้ายให้คณะต่างๆ ที่เขมรไปฟ้องว่าไทยรุกรานแล้วหลอกมาดู จะได้อ่านและรู้ความจริง ตามข้อความในแผ่นป้ายภาษาอังกฤษ ว่า
The Royal Thai Army Reaffirms Chong An Ma Is Within Thai Sovereignty, Accelerates Border Security
การเอาดินแดนของไทยคืนชนิดจริงจังครั้งนี้ ….
ปรากฏว่า ทั้งทหารและสื่อเขมรที่ยกโขยงกันมา ได้แต่ยืนทำตาปริบๆ ไม่กล้าทำสะแอ๋งกับทหารไทยอย่างแต่ก่อน
เพราะนี่ ทหารยุค “กุ้ง” นะเว้ย
ไม่ใช่ยุค “ปู” ที่หนีเข้ารูหมาลอดไปนอนห้องสีชมพูอยู่บ้านฮุนเซน!
เสียช่องคานม้าและภูมะเขือกลับคืนให้ไทย เขมรบอกว่า เสียหน้าไม่ว่า เพราะมันเสียนานแล้ว
แต่เสียเส้นทางยุทธภูมิสู่ “ปราสาทพระวิหาร” นี่ซี ยังไงๆ ก็ต้องตีเอาคืนให้ได้
เพราะฉะนั้น ศึกนี้ไม่จบด้วยการเจรจาแน่ ไม่ว่าจะระดับ JBC, GBC หรือ RBC ที่เจรจากันนี่ ก็คงได้แค่กำหนดวันเจรจารอบต่อไปเท่านั้น
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะฮุนเซนปั่นกระแส “สร้างเงื่อนไข” สู่การปะทะรอบใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน ก็ดูนี่ซี….
สื่อเขมร khmer times รายงาน อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางการเขมรบอกว่า “หน่วยข่าวกรองต่างประเทศ” แจ้งให้ทราบ
ไทยวางแผนจะใช้เครื่องบินโจมตีแบบเบา AT6 TH ที่ติดตั้งระเบิดนำวิถีด้วย GPS ของเกาหลีใต้ เพื่อลอบสังหาร ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต
ฟังแล้วขำกลิ้งยิ่งกว่ารายการ “ลิงกะหมา”
ระเบิดนำวิถีลูกละตั้งกี่แสน-กี่ล้าน แล้วคุ้มกันมั้ยที่จะเอาไปบ้อมหัวคนอย่าง “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” น่ะ…หือ?!
คนบ้ามันยังไม่คิดเลย
แล้วคนไทย คนดีๆ ทั้งนั้น ระดับ “เทวดาเหนือคุก” ก็ยังมี แล้วใครจะคิดไปฆ่า ถึงตัดหัวมาหมักทำน้ำปลา ก็ยังเสียเกลือเปล่า!
นี่มันเป็นวิธีสร้างกระแส-สร้างเงื่อนไขสู่การปะทะรอบ ๒ อย่างที่ผมว่านั่นแหละ
อย่างรอบแรก ร้อยวันพันปี อยู่กันมาดีๆ ไม่มีอะไร พอไอ้ ๒ ตระกูลผลประโยชน์มันขัดกัน ก็มีการ “เผาศาลาตรีมุข” ที่ช่องบก
แล้วทหารเขมรก็ยียวนกวนโอ๊ยเรื่องเขตแดนเรื่อยมา ขุดคูหล่ง-คูเลต ไปจนถึงคลิปสนทนา “อาเขมร-หลานไทย” หลุด เป็นเรื่องเป็นราว
แล้วก็ตูมตามขึ้นมา ใครยิงก่อน ขี้เกียจเถียง ให้โฆษก “มาลีศรีสะตอ” เขาตอบดีกว่า!
จะเห็นว่า ก่อนเปิดฉาก เขมร-ฮุนเซน จะปูเรื่องเป็นการสะสมเงื่อนไขและยกระดับขึ้นเรื่อยๆ
อย่างรอบ ๒ ที่ผมประเมินว่าไม่น่าหลีกพ้น ก็ทำนองเดียวกัน ฮุนเซนสร้างสตอรี่ต่อเนื่อง และที่ผมเห็นว่า “อันตราย” ขั้นโจ่งแจ้ง ที่ไทยเราจะมองข้ามไม่ได้เลย คือ
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเขมร “พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี” มีพระบรมราชโองการ ระบุว่า
“ไทยเป็นศัตรูกับเขมร”!!!
ดังความในพระบรมราชโองการ เมื่อ ๔ สิงหา.๖๘ มีดังนี้
พระบรมราชโองการ
สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโช ฮุนเซน พลเอกเกษียณ 5 ดาว และประธานคณะที่ปรึกษาสูงสุดเฉพาะพระองค์ ผู้ได้รับความเคารพนับถือและความรักอย่างลึกซึ้งจากสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ในห้วงเวลาที่ชาติของเรากำลังเผชิญกับการละเมิดและการคุกคามอย่างรุนแรงต่อบูรณภาพแห่งดินแดนโดยกองทัพไทย
และโดยอิงตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ข้าพเจ้าขอมอบอำนาจให้แก่สมเด็จเตโช ฮุนเซน เพื่อประสานงานกับสมเด็จฮุน มาเนต
ว่าด้วยกิจการกองทัพ การป้องกันประเทศ อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชา
ข้าพเจ้าขอใช้โอกาสนี้ แสดงความภาคภูมิใจและยกย่องอย่างสูงสุดต่อวีรกรรมที่กล้าหาญของทหารกัมพูชาทุกนาย ซึ่งได้ต่อสู้อย่างห้าวหาญในสนามรบ เพื่อปกป้องชาติ ดินแดน และประชาชน
รวมถึงประชาชนชาวกัมพูชาทั่วประเทศที่ได้รวมพลังกันอย่างแน่นแฟ้นและสามัคคี ภายใต้การนำด้วยหลักการของรัฐบาลกัมพูชา
โดยมีสมเด็จมหาบวรที่ปรึกษา ฮุน มาเนต เป็นผู้นำสูงสุดในการต่อสู้ในทุกสมรภูมิ ทั้งทางทหาร การทูต การเมือง และกฎหมาย
เพื่อปกป้องประเทศชาติ อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และประชาชนของเรา
พระราชวังพนมเปญ
ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2568
ครับ…..นับว่าร้ายแรงมาก
ที่กษัตริย์แห่งกรุงพนมเปญ ผู้ต้องนอบน้อมค้อมวันทา “สองพ่อลูก” ตระกูลฮุน ทรงระบุในพระบรมราชโองการว่า
“กองทัพไทยกำลังคุกคามอย่างรุนแรงต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของเขมร”
แล้วทรงมอบอำนาจกิจการกองทัพ การป้องกันประเทศ อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชาให้กับฮุนเซนและฮุนมาเนต
พร้อมทั้งทรงแต่งตั้งให้ “สมเด็จมหาบวรที่ปรึกษาฮุน มาเนต” “เป็นผู้นำสูงสุด”
ในการต่อสู้ในทุกสมรภูมิ ทั้งทางทหาร การทูต การเมืองและกฎหมาย
แสดงว่า “เขมรพร้อมรบ” แล้ว!
โดย “กษัตริย์เขมรประกาศสงคราม” กับไทย!
และแต่งตั้งให้ “ฮุนมาเนต” เป็นผู้บัญชาการทัพสูงสุด!!!
“จะเอากันอย่างนั้นหรือพะย่ะค่ะ?”
“กองทัพไทยคุกคามบูรณภาพแห่งดินแดนของเขมร” เป็นการกล่าวที่รุนแรงมากและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในระดับ “พระบรมราชโองการ” แห่งพระมหากษัตริย์ในศตวรรษนี้!
คงไม่ต้องให้ผมขยายความอะไรไปมากกว่านี้อีก เพราะชัดในทุกคำแห่งอักษรอยู่แล้ว
หวังว่า “สหรัฐ-จีน-มาเลเซีย” ในฐานะผู้สังเกตการณ์
คงทราบความตามพระบรมราชโองการของ “พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี”
และบันทึกไว้แล้วนะครับ!
เปลว สีเงิน
๖ สิงหาคม ๒๕๖๘
