24 กรกฎาคม 2568 — นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เรียกประชุมด่วนผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงพลังงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนด้านพลังงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมอบหมายให้มีการแต่งตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน” เพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงพลังงานและในการกํากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ด้านพลังงาน อันอาจเกิดขึ้นจากการกระทำของราชอาณาจักรกัมพูชาซึ่งส่งผลหรืออาจส่งผลต่อประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้จนกว่าสถานการณ์จะยุติลง
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และการดูแลความมั่นคงเพียงพอด้านพลังงานทั้งในส่วนของน้ำมันและไฟฟ้า โดยได้สั่งการให้สถานีบริการน้ำมันที่อยู่ใกล้จุดปะทะบริเวณชายแดนงดให้บริการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้สถานีบริการน้ำมันในเขตอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยงเปิดบริการตามปกติอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความจำเป็นในการเดินทางและภารกิจฉุกเฉินของภาครัฐ อาทิ รถพยาบาล รถดับเพลิง รถตำรวจ ทหาร รวมถึงภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งต้องสามารถเข้าถึงเชื้อเพลิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของระบบไฟฟ้า ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นหลักในการประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดทีมซ่อมบำรุงประจำพื้นที่ เตรียมความพร้อมกรณีเกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า หรือสายส่งที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ เพื่อให้สามารถฟื้นฟูระบบได้อย่างรวดเร็ว และลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนให้น้อยที่สุด
ภายใต้ “ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน” ยังให้มีชุดปฏิบัติการจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในกํากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อติดตามสถานการณ์ ระงับเหตุ และแก้ไขสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านพลังงานแก่ประชาชน รวมทั้ง ยังช่วยสนับสนุนด้านกําลังพล วัสดุ ครุภัณฑ์ ยานพาหนะ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วย
“กระทรวงพลังงานกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีแนวทางรองรับตลอดเวลา เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ปะทะและบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว