ผักกาดหอม
ใครก็ได้…ช่วยเอาไปเก็บที
หมายถึงนายกฯ แพทองธารครับ
ยิ่งพูดก็ยิ่งพาประเทศไทยเดินตามก้นกัมพูชา
แยกแยะอะไรไม่ออกเลยครับ เรื่องของประเทศแทนที่จะมองภาพรวมให้ออก ว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเล่นบทอะไร
กลับมองตัวเองเป็นลูกทักษิณ ที่ต้องคอยเอาใจ “ฮุน เซน” เพื่อนพ่อซะงั้น
อ่อนต่อโลกจริงๆ
เรื่องตัดน้ำตัดไฟที่ส่งไปกัมพูชา มันสะท้อนถึงขีดความสามารถในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “แพทองธาร ชินวัตร” ชนิดหมดเปลือกครับ
“…เป็นเพียงมาตรการเตรียมความพร้อม แต่เรายังไม่ได้ดำเนินการ อาจมีการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น…”
“…อาจมีความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ว่าจะตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการพูดคุยกันได้ตกลงกันเรียบร้อยว่าทั้ง ๒ ฝ่ายมีการปรับกำลังและไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น และเรารอที่จะประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา วันที่ ๑๔ มิถุนายน จึงต้องฝากสื่อสารว่าเรื่องตัดน้ำตัดไฟรัฐบาลยังไม่มีแถลงการณ์ออกไป…”
“…เดี๋ยวจะให้กระทรวงการต่างประเทศประสานดูว่าข้อมูลนั้นมาอย่างไร และเป็นกระบวนการอย่างไร แน่นอนว่าทุกสถานการณ์ต้องมีการเตรียมความพร้อม เมื่อผ่าน สมช.แล้วถึงจะเกิดขึ้นได้ แต่เรื่องนี้ยังไม่ผ่าน สมช. แต่เป็นกระบวนการที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าข้อมูลหลุดไปอย่างไรจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด…”
ย้ำอยู่หลายรอบครับ!
ประเด็นคือในเมื่อเป็นมาตรการที่ไทยเตรียมใช้ตอบโต้กัมพูชา แล้วกัมพูชาดันไม่ยอมใช้น้ำใช้ไฟของไทย
ชิงตัดเอง
แล้วมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไร
ที่กัมพูชาชิง ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดเน็ต จากไทยแล้วบอกว่าสามารถหาจากภายในทดแทนได้ มันเป็นการบอกว่า ไม่แคร์ไทย
ตัดได้ตัดไป!
แต่ “อุ๊งอิ๊ง” บอกว่ากัมพูชาเข้าใจผิด รัฐบาลไทยยังไม่ตัด
ไม่มีชั้นเชิงเลยครับ
เล่นบทนี้ลูกไล่เขมรขัดๆ
หน่อมแน้มจริงๆ
ซ้ำซากจนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย กลายเป็นเลขาฯ ประจำตัว “ฮุน เซน” คอยแก้ปัญหาให้ไปเสียแล้ว
เห็นภาพอนาคตรำไรเลยครับ
ประเทศไทยควรมีนายกรัฐมนตรีชื่อแพทองธารเมื่อพร้อม
แต่ตอนนี้ไม่พร้อมแม้แต่ด้านเดียว
ถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จะด้วยการเปลี่ยนตัวโดยสภาผู้แทนราษฎรชุดเดิม โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเท่าที่มีอยู่
หรือจะเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องรีบทำ
ไม่งั้นฉิบหายแน่ครับ!
ตัวพ่อก็ร่อแร่ไม่แพ้กัน
วานนี้ (๑๓ มิถุนายน) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนการบังคับโทษ “ทักษิณ” ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ได้ความกระจ่างชัดมาระดับหนึ่งแล้วครับ
การเบิกความของ “มานพ ชมชื่น” ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คนปัจจุบัน เห็นทิศทางว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงอย่างไร
พอสรุปประเด็นได้ดังนี้ครับ…
พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ ได้ตรวจร่างกายนายทักษิณ และระบุว่านายทักษิณอยู่ในเกณฑ์ผู้ต้องขัง ๖๐๘ ซึ่งหมายความว่ามีผู้ต้องขังอายุเกิน ๖๐ ปี และมีโรคเรื้อรัง ๘ โรค
ซึ่งสามารถดูอาการที่เรือนจำได้ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินสามารถส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก และทำใบส่งตัวไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติในเรือนจำ
จากการตรวจสอบพบว่านายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก
แพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทร.ไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำโรงพยาบาลราชทัณฑ์
แพทย์ให้ความเห็นว่าสามารถส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำได้ทันที เนื่องจากมีใบส่งตัวอยู่แล้ว
พัศดีเวรจึงมีคำสั่งตามคำวินิจฉัยแพทย์ และส่งตัวทักษิณไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งขั้นตอนนี้ไม่ได้มีการนำตัวทักษิณไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน
ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ใกล้กับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรียกได้ว่ามีบริเวณรั้วติดกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งปกติผู้ต้องขังจะต้องถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกครั้งก่อนส่งไปโรงพยาบาลภายนอก
สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ไม่มีคำว่า “ผู้ป่วยวิกฤตห่างหมอไม่ได้เป็นตายเท่ากัน” เหมือนตอนกรมราชทัณฑ์แถลงข่าวหลังส่งตัว “ทักษิณ” ไปโรงพยาบาลตำรวจใหม่ๆ
มีแต่ผู้ป่วย ๖๐๘ ซึ่งมีความหมายกว้างมาก
ที่สำคัญ “ทักษิณ” มิได้เข้าไปตรวจวินิจฉัยโรคที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แต่อย่างใด
หยุดอยู่ที่แผนกพยาบาลของเรือนจำ แล้วไปนอนห้องวีไอพีโรงพยาบาลตำรวจทันที
แทนที่จะเข้าห้องไอซียูเพื่อให้เหมาะกับอาการป่วยวิกฤต
อีกประเด็นในการเบิกความคือ การส่งตัว “ทักษิณ” เป็นไปตามขั้นตอนมาตรา ๕๕ ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ปี ๒๕๖๐ ไม่ได้ใช้การส่งตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ที่ต้องขออนุญาตศาลก่อน
การที่ศาลย้ำถึง ป.วิ.อาญาหลายครั้ง โดยที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ตอบไม่ได้ อ้างว่าเพิ่งมารับตำแหน่งนั้น เป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตามอง
เพราะมาตรา ๕๕ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ขัดกับมาตรา ๒๔๖ ป.วิ.อาญา อย่างชัดเจน
กว่าศาลจะมีคำสั่งใดๆ ออกมาอย่างเร็วสุดน่าจะภายในเดือนสิงหาคม
“ทักษิณ” มีโอกาสติดคุกสูงพอควร เพราะยังมีคดีม.๑๑๒ ที่ศาลนัดสืบพยานตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม
จากนั้นศาลจะทำคำพิพากษา
สิงหา-กันยา รู้เรื่องครับ.
