กฎหมายเฉพาะ ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ใกล้ศุกร์ ๑๓ แล้วครับ

อีก ๒-๓ วันข้างหน้าไม่รู้เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะพัฒนาไปถึงไหน แต่ ๑๓ มิถุนายน เรื่องชั้น ๑๔ ที่อยู่ในมือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ศาลจะมีคำสั่งใดๆ ออกมาเลยหรือไม่ จับตาอย่ากะพริบครับ

หากยังไม่มีคำสั่ง การขึ้นบัลลังก์นัดถัดไปน่าจะจบได้

เพราะไม่ใช่คดีใหม่

เป็นเรื่องของการบังคับโทษ ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

วานนี้ (๑๐ มิถุนายน) “ทวี สอดส่อง” ให้สัมภาษณ์ มั่นใจเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ทำตามกฎหมายเป๊ะ ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน

“ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมจะมี ๒ หน่วยที่เกี่ยวข้องคือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งผมได้มีการสอบถามกับทั้ง ๒ หน่วยงาน ก็มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ และถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปชี้แจงกับศาล

เนื่องจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้ง ๒ หน่วยงานยึดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไป และเป็นระบบหลักการของกฎหมายไทย

เมื่อเราใช้กฎหมายเฉพาะแล้ว แต่ถ้ากฎหมายเฉพาะไม่สามารถคุ้มครองสิทธิ์ของผู้ต้องขัง หรือญาติของบุคคลดังกล่าวได้ก็จะใช้กฎหมายทั่วไป โดยจะต้องไปขออำนาจศาล โดยในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ประกอบกับมาตรา ๒๔๖ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ได้มีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไว้แล้ว…”

“…เราต้องสร้างความมั่นใจว่า อะไรที่เข้าไปสู่ศาลแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดี และเราเคารพในคำตัดสินของศาล แต่ส่วนตัวไม่ได้มีความกังวล และหน่วยงานก็ไม่ได้กังวล เพราะเขาปฏิบัติมา ๑๐๐ กว่าปีแล้ว…”

เอาไงดี…

อะไรคือกฎหมายเฉพาะ

เฉพาะ “ทักษิณ” อย่างนั้นหรือ?

เหมือน “ทวี” จะสื่อว่า กรณี “ทักษิณ” ไปนอนตากแอร์ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจร่วมครึ่งปีนั้น ต้องใช้กฎหมายของกรมราชทัณฑ์

ไม่ต้องใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็ได้

ฉะนั้นมาว่ากันเรื่องข้อกฎหมายล้วนๆ เลยครับ

“ทักษิณ” ถูกส่งตัวออกจากเรือนจำไปยังโรงพยาบาลตำรวจ โดยอาศัย กฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๖๓

สาระสำคัญของกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ ข้อ ๒ เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานเรือนจำว่า ผู้ต้องขังคนใดป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อ ให้ส่งตัวผู้ต้องขังคนนั้นไปรับการตรวจในสถานพยาบาลของเรือนจำโดยเร็ว ถ้าผู้ต้องขังคนนั้นต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้านหรือถ้าคงรักษาพยาบาล

อยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(๑) กรณีผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังคนนั้นไปรับการรักษาในสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิตของรัฐนอกเรือนจำ ตามที่แพทย์ พยาบาล หรือเจ้าพนักงานเรือนจำซึ่งผ่านการอบรมด้านการพยาบาลเสนอให้เจ้าพนักงานเรือนจำพาผู้ต้องขังคนนั้นไปและกลับในวันเดียวกัน

(๒) เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรับการรักษานอกเรือนจำตาม (๑) หากแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษามีความเห็นว่า สมควรรับตัวผู้ต้องขังคนนั้นไว้รักษาในสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิตของรัฐ ให้เจ้าพนักงานเรือนจำซึ่งพาผู้ต้องขังคนนั้นไปตรวจรักษาขอหลักฐานและความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาประกอบการจัดทำรายงานเสนอผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณา ถ้าผู้บัญชาการเรือนจำเห็นด้วยกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้มีคำสั่งอนุญาตให้รับตัวไว้รักษา

(๓) กรณีผู้บัญชาการเรือนจำไม่เห็นด้วยกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาตาม (๒) หรือมีเหตุฉุกเฉินอื่นอันอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือความปลอดภัยของผู้ต้องขัง ให้เจ้าพนักงานเรือนจำนำตัวผู้ต้องขังคนนั้นกลับเข้ารักษาพยาบาลภายในเรือนจำ และจัดการช่วยเหลือประการอื่นเท่าที่จำเป็นแล้วรายงานอธิบดีโดยเร็ว พร้อมกับสำเนาความเห็นของแพทย์และสำเนาหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง

(๔) กรณีที่ผู้บัญชาการเรือนจำมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานของเจ้าพนักงานเรือนจำตาม (๒) อาจสั่งให้เจ้าพนักงานเรือนจำทำรายงานเพิ่มเติม หรือสั่งให้เจ้าพนักงานเรือนจำคนอื่น หรือตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและทำรายงานก็ได้

ขีดเส้นใต้นะครับ กฎนี้ออกมาเมื่อปี ๒๕๖๓

ไม่ต้องแจ้ง หรือขออนุญาตศาล!

เป็นอำนาจผู้บัญชาการเรือนจำ สามารถส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้เลย

ไปดู ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๒๔๗๗ มาตรา ๒๔๖

“..เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของ จำเลย พนักงานอัยการ ผู้บัญชาการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุก ร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อน จนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป ในกรณีต่อไปนี้

(๑) เมื่อจำเลยวิกลจริต

(๒) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิต ถ้าต้องจำคุก

(๓) ถ้าจำเลยมีครรภ์ และ

(๔) ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปื และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้น

ให้หักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษา”

ครับ…เท่าที่อ่านอาจจะยังดูไม่ชัด บางคนอาจจะตะแบงเอาได้ว่า ต้องใช้กฎหมายเฉพาะก่อน เพื่อให้เป็นไปตามระบบหลักการของกฎหมายไทย

งั้นไปดูกฎหมายอีก ๑ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐

เป็นกฎหมายของกรมราชทัณฑ์เองเลยครับ ฉะนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ต้องแตกฉาน

มาตรา ๖ บัญญัติว่า

“…กรมราชทัณฑ์อาจดําเนินการให้มีมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีการอื่นนอกจากการควบคุม ขัง หรือจําคุกไว้ในเรือนจํา แต่มาตรการดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมตลอดถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ…”

เป็นไงครับ…

กฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ขัดกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๒๔๗๗ มาตรา ๒๔๖ หรือไม่

ก็สงสัยอยู่ว่าใครไปบอกกับ “ทวี” ว่า งานนี้กรมราชทัณฑ์รอดใสๆ เพราะปฏิบัติไปตามกฎหมาย

ปฏิบัติมาเป็นร้อยกว่าปีแล้ว

ก็น่าตกใจนะครับ พูดแบบนี้เท่ากับมีกรณีเดียวกับ “ทักษิณ” มาร้อยกว่าปีแล้ว

ลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งมัดตัว

กรณีนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ ไม่รู้ต้องติดคุกเพิ่มกันอีกกี่คน.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
กรมการท่องเที่ยวเปิดยื่นคำขอคืนหลักประกันผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวล่วงหน้า เยียวยาผลกระทบ COVID-19
กรมการท่องเที่ยว เปิดยื่นคำขอคืนหลักประกันผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวล่วงหน้า เยียวยาผลกระทบ COVID-19 เปิดรับลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะได้รับเงินประกันคืน ภายหลังราชกิจจานุเบกษามีผลใช้บังคับ
Read More
0 replies on “กฎหมายเฉพาะ ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม”