ผักกาดหอม
ถามม้าตอบช้างจริงๆ…
รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” แล้วครับ
แต่มันควรเป็นแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่ใช่วันนี้
สถานการณ์เปลี่ยน มันไปคนละสถานการณ์กันแล้ว
ครับ…เบื้องต้นไม่มีใครต้องการสงคราม ไม่อยากเห็นทหารไทยต้องขนอาวุธมาสู้รบเต็มรูปแบบกับทหารกัมพูชา
มันจะเสียหายทั้ง ๒ ฝ่าย โดยเฉพาะชีวิตของทหาร
แต่สิ่งที่ประชาชนอยากได้จากรัฐบาลคือความชัดเจนในสถานการณ์ และท่าทีของรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร เพราะทางกัมพูชาขู่เช้าขู่เย็น
ไม่เอาตามเขา ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเป็นเหมือนฉนวนกาซา
ทางกัมพูชาเขาออกตัวแรงครับ แต่รัฐบาลไทยกลับเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ประชาชนก็เคว้งสิครับ
ในโซเชียลถึงได้ถามกันให้ควั่ก มีรัฐบาลนี้ไว้ทำไม?
เมื่อไม่มีข้อมูล ไม่รู้รัฐบาลไทยจะเอาไง แถมยังมีข่าวรัฐบาลกับกองทัพเล่นดนตรีคนละเพลง มันก็ยิ่งไปกันใหญ่
ประชาชนก็เดากันไปตามอารมณ์ ถ้าจะรบก็รบกัน
ไปดูแถลงการณ์ของรัฐบาลกันก่อน
“…รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการ ปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม
โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ภายหลังจากเกิดเหตุ รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับ รวมถึงนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้มีการพูดคุยกันด้วยความห่วงใยในสถานการณ์ ผลจากการพูดคุยรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติและไม่ลุกลามบานปลาย และเห็นพ้องที่จะใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งหนึ่งในกลไกนั้นคือกลไก JBC ตามที่ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันไว้เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘
ส่วนประเด็นที่ได้รับการสอบถามเกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ที่อาจประสงค์จะใช้กลไกทางศาลหรือฝ่ายที่สามมาพิจารณาเรื่องนี้นั้น ขอเรียนว่าประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านของกัมพูชามีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขประเด็นปัญหาระหว่างกันโดยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาและความตกลงต่างๆ เช่น MOU 2543 และข้อมูลหลักฐานต่างๆ รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม และไทยพร้อมที่จะเจรจากับฝ่ายกัมพูชาผ่านกลไกระดับทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกันเช่น
JBC (การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม) ซึ่งเป็นกลไกทางเทคนิคจัดตั้งขึ้นโดย MOU 2543 เพื่อหารือเรื่องการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทวิภาคี ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับตามคำขอของฝ่ายไทยที่จะจัดขึ้น (ในวาระที่่ฝ่ายกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ) ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ ที่กัมพูชา
GBC (คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา) ซึ่งเป็นกลไกระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ RBC (คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค) ซึ่งเป็นกลไกระดับแม่ทัพภาค ซึ่งทั้ง GBC และ RBC มีหน้าที่หลักในการดูแลสถานการณ์ชายแดนให้มีความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ รัฐบาลทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันที่จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชน เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
รัฐบาลขอยืนยันว่า ปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทั่วไปมีความสงบเรียบร้อย รัฐบาลขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ตามขั้นตอนในการปกป้องอธิปไตยของไทยและรักษาสิทธิทางกฎหมายของไทยอย่างครบถ้วน และเชื่อมั่นว่าไทยและกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน รวมถึงความเป็นครอบครัวของสมาชิก ‘อาเซียน’ ด้วยกัน…”
ในแง่การสื่อสารกับประชาชน ไม่ได้ตามหลังกัมพูชาก้าวเดียวนะครับ
หลายก้าว!
วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องบอกกับประชาชนคือ ไม่ต้องกังวลเรื่องศาลโลก
ไม่ต้องกลัวว่า กัมพูชาจะลากความขัดแย้งลงทะเล
ไม่ต้องกลัวจะเสียเกาะกูด
ไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลไทยจะงุบงิบไปทำข้อตกลงกับกัมพูชาโดยไม่บอกประชาชน
ไม่ต้องคิดเลยว่า “ทักษิณ” จะสมคบกับ “ฮุน เซน” หาประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ
นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากรู้
เพราะประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจทั้งในสถานการณ์และตัวรัฐบาล
แต่แถลงการณ์เหมือนย้อนเวลาไปพูดเรื่องเก่า
ถามนายกฯ แพทองโพยหน่อยครับ วันก่อน “ฮุน เซน” บอกว่าจะไม่เจรจาตามกรอบ MOU 2543 อีกแล้ว อ้างว่าปัจจุบันไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป เนื่องจากตลอดเวลา ๒๕ ปีที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขข้อพิพาท
ประเด็นนี้รัฐบาลไทยว่าไง
ไม่ตอบ!
เอาเข้าจริงทั้งไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตาม MOU 2543 ไม่งั้นไม่มีทางคุยกันรู้เรื่อง แล้วรัฐบาลมีวิธีตอบประเด็นนี้ให้ประชาชนได้เข้าใจหรือเปล่า
รวมทั้งที่ “ฮุน เซน” บอกว่า…
“…หากเราไม่ปล่อยให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ปัญหานี้จะเหมือนฉนวนกาซาไม่มีวันจบสิ้น ทั้งการสู้รบเล็กหรือใหญ่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ แล้วเหตุใดเราจึงต้องหวั่นเกรงต่อการขึ้นศาล หากเราบริสุทธิ์ใจ?…”
นี่คือการปลุกกระแสคลั่งชาติโดยไม่สนใจผลที่จะตามมา
รัฐบาลไทยคงคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ นายกฯ คงคิดว่า “เพื่อนพ่อ” แค่พูดลอยๆ แต่มันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยครับ
เรื่องไม่ไปศาลโลกเมื่อวานพูดกันไปแล้ว แต่รัฐบาลไม่หือไม่อือ ไม่บอกในสิ่งที่ควรจะบอกเพื่อให้ประชาชนคลายความกังวล
กลับกัน “อ้วน-ภูมิธรรม” จะฟ้องคนที่เอารูปเอไอ ที่ตัวเองไปให้ “ฮุน เซน” ลูบหัว
รูปที่ว่าจะจริงหรือเท็จ แต่มันสะท้อนความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลที่แสดงความเกรงใจ “ฮุน เซน” จนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ไม่ฉลาดครับ ดันมาฟ้องประชาชนของตัวเอง แทนที่จะแสดงให้ประชาชนเห็นว่า พร้อมจะจัดการปัญหา “กัมพูชา” ในทุกมิติ
เห็นนายกฯ คุยกับนักข่าว ได้แต่ถอนหายใจลึกๆ!
มันก็สมแล้วล่ะครับ รัฐบาลหุ่นเชิด จะทำอะไรมากกว่านี้คงไม่ได้
รอนายใหญ่สั่งอย่างเดียว.
