สันต์ สะตอแมน
เคยทำบายพาสหัวใจ..
แต่หลังการผ่าตัดมาหลายปี ร่างกาย-สุขภาพก็ไม่เหมือนเดิม มีแต่ค่อยๆ ทรุดโทรม แม้จะพยายามพลิกฟื้นดูแลตัวเองทั้งการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร!
กระนั้น ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นสักเท่าไร จนเมื่อมีโอกาสได้รู้จักกับวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ชะลอวัย
พร้อมกับได้เข้าเรียนหลักสูตรพื้นฐาน “วิทยาศาสตร์ชะลอวัย” ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตนั่นแหละ..
สุขภาพร่างกายถึงได้ดีขึ้นเป็นลำดับ จากใบหน้าที่เหี่ยวย่น ก็กลับมาสดใส เต่งตึงอย่างเห็นได้ชัด!
ครับ..ผมกำลังพูดถึง “คุณไพโรจน์ สังวริบุตร” อดีตพระเอกที่โด่งดังที่สุดในยุค 80 ที่ได้เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวในวัย 72 ปี
นี่..ขนาดได้ชื่อว่าเป็น “คนรักสุขภาพ” และได้ศึกษาเรียนหลักสูตร “วิทยาศาสตร์ชะลอวัย” ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ จนเขียนหนังสือพ็อกเกตบุ๊กออกมาเล่มหนึ่ง..
ชื่อ “สุขภาพดี..อยู่ที่ดวงจันทร์” ที่เล่าจากประสบการณ์จริงกับชีวิตที่ผ่านความตายอย่างฉิวเฉียด!
ผมเองได้รับหนังสือเล่มนี้จากมือพี่เอ๋ (ชื่อเล่นคุณไพโรจน์) พร้อมกับกำชับด้วยว่า.. “สันต์ฯ ต้องอ่าน”!
ซึ่งผมอ่านแล้ว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเคยเขียนบอกเล่ากับท่านผู้อ่านเอาไว้ ณ ที่ตรงนี้ เป็นหนังสือที่มีคุณค่า อ่านสนุก ด้วยคุณไพโรจน์ได้รวบรวมความรู้วิธีการดูแลสุขภาพ
อธิบายความตามหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายสมดุลและมีสุขภาพแข็งแรง
แต่แล้ว..ก็อย่างที่ผมเชื่อและพูดอยู่เสมอ.. “ทุกคนถูกกำหนดไว้แล้วทั้งนั้น” ไม่ว่าจะดูแลรักษาสุขภาพดีแค่ไหน เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับไปสู่ธรรมชาตินั่นแล!
อย่างพี่เอ๋ ใครจะคาดคิด นัยว่าเมื่องานคอนเสิร์ต “51 ปี กรวิก ลมหายใจแห่งความคิดถึง” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันเสาร์ที่ 24 พฤษภา.
ผู้คนในแวดวงบันเทิงหลายท่านได้พบปะพูดคุยกับคุณไพโรจน์ และยังดูแข็งแรงเป็นปกติดี..
เพราะอย่างนี้จึงจริงแท้.. “โลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ”!
ถึงบรรทัดนี้ ก็ต้องกล่าวคำอำลากันชั่วนิรันดร์..ขอให้พี่เอ๋-ไพโรจน์เดินทางไกลไปด้วยความราบรื่นจนสู่สัมปรายภพเบื้องหน้านู้นเทอญ!
อ้อ..ต่อนิด ญาติสนิทมิตรสหายเชิญร่วมรดน้ำศพ และฟังสวดพระอภิธรรมได้วันนี้-4 มิ.ย. ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
เอ้าล่ะ..คนที่ตายก็ต้องเอาไปฝัง คนที่ยังก็ต้องทำความดีกันต่อไป แล้วตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของคนดี-คนรักบ้านรักเมืองจะต้องช่วยกันส่งเสริมเป็นกำลังใจ
ให้ทั้งกับ “แพทยสภา” ที่หน้าดำคร่ำเครียดกันอยู่กับการทำหน้าที่ “ผดุงไว้ซึ่งจริยธรรม” ทั้งกับกองทัพ-ทหาร โดยเฉพาะ “แม่ทัพภาค 2” ที่ยืนจังก้าอย่างชายชาตินักรบประกาศลั่น..
“จะไม่ยอมเสียดินแดน พวกเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”!
ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้าง..รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย จ่อสั่งปลดแม่ทัพภาค 2 ฐานขัดคำสั่งศึกชายแดน!
จริง-เท็จไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ยามนี้ “กำลังใจ” คือสิ่งสำคัญ อย่าคิดหรือมโนว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแค่เรื่องการเมือง ประเดี๋ยวก็เงียบไป
เห็นไหมนู่น.. “ฮุน เซน” โพสต์.. “สภานิติบัญญัติแห่งชาติและวุฒิสภา มีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง ต่อแผนการดำเนินการของฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ในการยื่นข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก” แล้ว
รัฐบาล (เด็ก) แพทองธารจะเอาอย่างไรก็รีบตัดสินใจ จะถอยหรือจะรุกควรที่จะได้ประกาศให้ประชาชนได้รับรู้
นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความเป็นผู้นำ ไม่ใช่คอยหลบเลี่ยงคำถามนักข่าวเอาตัวรอดไปวันๆ ส่วนนายภูมิธรรมก็อย่าเอาแต่นั่งยัน-นอนยัน.. “ทหารต้องอดทน-อดกลั้น” อยู่อีกเลย!
ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ คนไทยในแผ่นดินต่างเห็นแล้วว่า เขมรกำลังรุกคืบจะเอา “ช่องบก” ที่ตรงนั้นให้ได้ ถึงกับประกาศกร้าว..
“ถ้าไทยไม่ไปศาลโลก ช่องบกอาจเป็นฉนวนกาซา”!
เออ..ทำเป็นซ่า นึกว่า “ลูบหัว” ภูมิธรรมได้แล้ว จะเยี่ยวรดหัวใจคนไทยได้รึไง..
จะ “ฮุน” ไหน.. กูก็ไม่กลัวมึง!.
