กทม. ปรับใช้แผน “รถถังทำงานกับทหารราบ” ค้นหาตามลำดับความสำคัญของโซน

4 เมษายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว ว่า

หลังจากวันนี้ทีมนานาชาติบางทีมอาจจะถอนตัว อาจจะมีอยู่ตามความจําเป็น เนื่องจากมีภารกิจที่ทีมต้องเดินทางไปที่อื่นต่อไปทั่วโลก ยิ่งเป็นทีม Heavy เขาต้องเดินทางภายใน 48 ชั่วโมงต้องไปปฏิบัติหน้าที่หลายประเทศ ดังนั้น ในภารกิจของทีมนี้คือการช่วยชีวิตเป็นหลักถ้าได้รับการร้องขอจากประเทศอื่น เช่น เมียนมา เขาก็ต้องไป แต่เราก็มีการทำข้อมูลต่างๆ ทำ database ให้วิธีการคิดต่างๆ ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น

หลังจากนี้พอเราเอาเครื่องมือหนักเข้าทำงานคิดว่าก็จะง่ายขึ้น เพราะว่าช่วงแรกที่ยากคือการพยายามสืบค้นผู้สูญหายตามช่องตามรู ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เครื่องมือหลายอย่าง แต่พอเราเริ่มใช้เครื่องมือหนักขึ้นเราก็มีความเชี่ยวชาญตรงนี้อยู่ สำหรับทีมญี่ปุ่นยังมาไม่ถึง แต่ก็จะเป็นช่วงในระยะกลาง ระยะยาวก็คือ ด้านความรู้การติดตั้งเซนเซอร์ การทำระบบแจ้งเหตุการตรวจสอบอาคารเป็นต้น

ส่วนการดำเนินการขณะนี้ เป็นเรื่องการเก็บหลักฐาน กองพิสูจน์หลักฐานกำลังเก็บหลักฐานแต่ยังไม่ได้เดินหน้าเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่อีกไม่นานคงเสร็จ พอเก็บหลักฐานเสร็จแล้วก็จะลุยต่อ อุปสรรคหลักๆ คือ เราต้องสังเกตให้ดี ถ้าเกิดมีผู้เสียชีวิตหรือผู้รอดชีวิตอยู่ เพราะว่าเวลาที่ใช้เครื่องจักรหนักลงก็จะมีความรุนแรง ทั้งผู้ที่เสียชีวิตแล้วก็ต้องระวังอย่าให้ไปโดน ก็ต้องมีคนที่คอยสังเกต คอยเอากล้องส่อง ซึ่งเป็นเรื่องของความละเอียดอ่อน ส่วนในเรื่องของเสียงปริศนา คิดว่ายังมีโอกาสที่จะอยู่ในจุดที่เราค้น แต่เนื่องจากเราใช้วิธีธรรมดาจึงเข้าไปไม่ถึง ต้องใช้เครื่องมือหนักเข้าไป ซึ่งก็ยังมีโอกาส เราคาดหวังว่าจะเขาจะสลบไปหรือนอนพักหลับไป นอกจากนี้อาจจะมีแหล่งน้ำหรือมีกระติกน้ำอยู่ใกล้ๆ ทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้นได้ และยังเคยมีปาฏิหาริย์แบบในหลายเมืองที่สามารถอยู่ได้นานกว่านี้

แผนการค้นหาหลังจากนี้ รถเครื่องมือหนักจะเข้าปฏิบัติงานและทีมงานย่อยเดินตามเครื่องมือหนัก คอยดูว่ามีร่างอยู่หรือไม่ จะเจออะไรไหม จะคล้ายกับรถถังกับทหารราบทำงานคู่กัน โดยเลือกตามลำดับความสำคัญของแต่ละโซน และลำดับว่าจะมีการพังทลายหรือไม่ ซึ่งตอนนี้โซน B เข้ายาก จึงต้องทำโซน A ให้ราบก่อนแล้วค่อยทำเนินให้เข้าไปที่โซน B ได้ โดยจุดที่น่าจะมีคนติดค้างเยอะน่าจะเป็นแถวโซน C โซน D เนื่องจากเป็นทางเชื่อมที่จะไปอาคารจอดรถได้ และคือช่องทางหนีไปที่เชื่อมไปอาคารจอดรถชั้น 5 ที่เวลาคนงานเข้าออก เป็นโถงลิฟต์

“ส่วนเรื่องที่เมื่อวานไม่ได้ไลฟ์สด ไม่ได้มีความท้ออะไร ไม่มีอะไรคืบหน้าจึงไม่ได้ไลฟ์ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พอเราหาคนไม่เจอ เกรงว่าญาติๆ ที่ดูอยู่จะหมดกำลังใจ จึงพยายามลดลง” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

Written By
More from pp
96 โรงพยาบาลทั่วไทย เปิดพื้นที่ “เติมรัก…ปันสุข” ชวนร่วมแบ่งปันสิ่งอุปโภคบริโภคแก่ผู้ขาดแคลน ต่อยอดโครงการแคร์ดีพลัส
เปิดรายชื่อโรงพยาบาล 96 แห่ง ทั่วไทย ที่จัดทำโครงการ “เติมรัก…ปันสุข” สร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปันแก่ผู้ขาดแคลนที่เข้ามาใช้บริการสาธารณสุขในสถานพยาบาล โดยโครงการนี้จัดขึ้นพร้อมกันในโรงพยาบาลหลายแห่ง ด้วยเล็งเห็นพ้องต้องกันว่ามีผู้มารับการรักษามากมายที่ยังขาดแคลนสิ่งอุปโภคบริโภคจำเป็นในการดำรงชีวิต รวมไปจนถึงสิ่งจำเป็นที่เกี่ยวเนื่องกับการกลับไปดูแลสุขภาพที่บ้าน ตลอดจนผู้ป่วยและญาติที่เข้ามาพักค้างและคอยในโรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้ในการดูแลสุขอนามัยประจำวัน การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขครั้งนี้เป็นผลผลิตต่อยอด...
Read More
0 replies on “กทม. ปรับใช้แผน “รถถังทำงานกับทหารราบ” ค้นหาตามลำดับความสำคัญของโซน”