อภิปรายลูก ซักฟอกพ่อ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เริ่มแล้วครับ…
มหกรรมจับนายกรัฐมนตรีขึ้นเขียง
ฟังจากฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคส้ม อภิปราย ๒ วัน มีไฮไลต์ทั้ง ๒ วัน
ส่วนรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย หวง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” เป็นพิเศษ สส.ฝ่ายค้านคนไหนเอ่ยชื่อในสภา เจอกันแน่

องครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุม จะกลายร่างเป็นองครักษ์พิทักษ์นายใหญ่

ฉะนั้นในภาพรวมทั้ง ๒ วัน น่าจะมีการประท้วงเป็นระยะๆ
และส่วนใหญ่มาจากการพาดพิงถึง บุคคลในครอบครัวชินวัตร

ที่จริงพรรคเพื่อไทยควรจะสำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า ทั้ง “ยิ่งลักษณ์” และ “ทักษิณ” ล้วนสร้างความฉิบหายให้ประเทศไทย

เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เลย

พูดง่ายๆ คือ โกง และปล่อยให้บริวารโกง

ถ้าพรรคเพื่อไทยปฏิเสธว่าไม่ใช่ ก็ให้กลับไปดูคำพิพากษาของศาลในหลายๆ คดี ว่าโกงจริงหรือไม่

แล้วการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร” สามารถพาดพิงไปถึง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ได้หรือไม่

“องครักษ์หัวเขียง-ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” พิทักษ์นายหญิง นายใหญ่ ไว้แบบนี้ครับ….

“…ในฐานะทีมองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อยากแนะนำ สส.ไม่ให้ประท้วงพร่ำเพรื่อ ประชาชนจะเบื่อ นิดๆ หน่อยๆ ต้องทนเอา

การจะประท้วงต้องดูข้อเท็จจริงกับข้อบังคับการประชุมประกอบกัน
หากฝ่ายค้านเอ่ยชื่อถึงท่านนายกฯ ทักษิณ และท่านนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องดูคำพูดหน้างาน เจตนา และข้อบังคับการประชุม มาพิจารณาว่าจะประท้วงหรือไม่

ย้ำว่า ต้องดูหน้างานเป็นหลัก ไม่สามารถบอกได้ว่า พูดประโยคใดแล้วจะประท้วงทันที…”

ก็แสดงว่า “องครักษ์หัวเขียง” เข้าใจข้อบังคับการประชุมเป็นอย่างดี
หรือไม่ก็รอดูก่อนว่า นายหญิง นายใหญ่ จะถูกถล่ม หรือสรรเสริญเยินยอ

เห็นท่าทีว่าไม่ใช่ชม แต่ด่าแน่ องครักษ์ก็ทำงานทันที

จริงหรือครับการอภิปรายในสภาห้ามพาดพิงคนที่อยู่นอกสภา
คือ…ไม่ใช่ทั้งรัฐมนตรี และ สส.

รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๑๒๔ บัญญัติเรื่องนี้ไว้ตรงๆ ไม่ต้องตีความ

“…ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคําใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนนย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนําไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดๆ มิได้

เอกสิทธิ์ตามวรรคหนึ่งไม่คุ้มครองสมาชิกผู้กล่าวถ้อยคําในการประชุมที่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์หรือทางอื่นใด หากถ้อยคําที่กล่าวในที่ประชุมไปปรากฏนอกบริเวณรัฐสภา และการกล่าวถ้อยคํานั้นมีลักษณะเป็นความผิดทางอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่งต่อบุคคลอื่นซึ่งมิใช่รัฐมนตรีหรือสมาชิกแห่งสภานั้น

ในกรณีตามวรรคสอง ถ้าสมาชิกกล่าวถ้อยคําใดที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่รัฐมนตรีหรือสมาชิกแห่งสภานั้นได้รับความเสียหาย ให้ประธานแห่งสภานั้นจัดให้มีการโฆษณาคําชี้แจงตามที่บุคคลนั้นร้องขอตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่กําหนดในข้อบังคับการประชุมของสภานั้น ทั้งนี้ โดยไม่กระทบต่อสิทธิของบุคคลในการฟ้องคดีต่อศาล

เอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้ ย่อมคุ้มครองไปถึงผู้พิมพ์และผู้โฆษณารายงานการประชุมตามข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภา แล้วแต่กรณี และคุ้มครองไปถึงบุคคลซึ่งประธานในที่ประชุมอนุญาตให้แถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ตลอดจนผู้ดําเนินการถ่ายทอดการประชุมสภาทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์หรือทางอื่นใดซึ่งได้รับอนุญาตจากประธานแห่งสภานั้นด้วยโดยอนุโลม…”

ไม่มีตรงไหนห้ามครับ

สาระสำคัญของมาตรานี้คือ “เอกสิทธิ์”

คือหลักประกันในการพูดหรืออภิปรายของ สส.ในสภา

ข้อเท็จจริง หรือความคิดเห็น ที่ สส.นำไปพูดในสภา ไม่อาจนำไปฟ้องร้องได้
เว้นเสียแต่ว่าการประชุมนั้นมีการถ่ายทอดสด

ปัจจุบันมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ผ่านวิทยุรัฐสภา และทีวีรัฐสภา ทุกนัด
เว้นแต่การประชุมนั้นเป็นการประชุมลับ!

ฉะนั้นการอภิปรายของ สส.หรือ สว. หากไม่ใช่การประชุมลับ จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองคนพูด

ผู้พูดหรือผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบทางกฎหมายเอง หากมีการฟ้องร้องตามมาในภายหลัง
แต่ไม่มีการห้ามพูดถึงคนนอกแต่อย่างใด

บรรดาองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุมสภา ควรอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๔ นี้ด้วย

อ่านเสร็จแล้วไปดู ข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ ๑๗๘
“…ในการอภิปรายและการลงมติไม่ไว้วางใจ สมาชิกมีอิสระจากพรรคการเมืองไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ

การอภิปรายตามวรรคหนึ่ง นอกจากที่กำหนดไว้ในส่วนนี้แล้ว ให้นำความใน หมวด ๔ ส่วนที่ ๓ การอภิปราย มาใช้บังคับโดยอนุโลม ยกเว้นข้อ ๖๗ และข้อ ๖๙ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการห้ามมิให้นำเอกสารใดๆ มาอ่านในที่ประชุมโดยไม่จำเป็น และห้ามมิให้นำวัตถุใดๆ เข้ามาแสดงในที่ประชุม มิให้นำมาใช้บังคับ

การนำเอกสารหรือวัตถุใดๆ เข้ามาแสดงในที่ประชุม ในการอภิปรายตามวรรคหนึ่งที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกได้รับความเสียหายหรือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม สมาชิกผู้นั้นต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้น…”

ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันครับ
ไม่ได้ห้ามพูดถึงคนนอก
แต่มีความรับผิดชอบ ที่ผู้พูดต้องคำนึงถึง

แม้ข้อบังคับการประชุมสภา ห้ามมิให้ออกชื่อสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น ก็ไม่ได้ห้ามไปทุกกรณี
เพราะหากจำเป็นก็สามารถออกชื่อได้

แต่หากเอ่ยชื่อคนนอกและมีการถ่ายทอดสด ก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายไปตามระเบียบหากมีการฟ้องร้อง

สรุปว่า ฝ่ายค้านสามารถซักฟอกนายกฯ โดยพาดพิงไปถึง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ได้ บรรดาองครักษ์ทั้งหลายไม่มีสิทธิ์ห้าม

หากถูก “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ฟ้อง ค่อยไปว่ากันในศาล
ก็เท่านั้นเอง

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
กรมควบคุมโรค เตือนช่วงนี้อากาศแปรปรวน ขอให้ประชาชนระวังป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ แนะยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด”
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนช่วงนี้ประเทศไทยมีอากาศแปรปรวน เนื่องจากพายุฤดูร้อน ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย
Read More
0 replies on “อภิปรายลูก ซักฟอกพ่อ #ผักกาดหอม”