สันต์ สะตอแมน
“เป็นนายกฯ เมื่อพร้อม”!
ก็จริงอย่างที่คุณพิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท.ว่า ถ้ายัง “ปากกัดตีนถีบ” ต้องคอยเลี้ยงลูกในวัยที่กำลังซน แต่ต้องถูกพ่อบังคับให้ต้องทำงาน
แถมยังเป็นงานที่ต้องแบกรับภาระประเทศชาติ-ประชาชน ก็น่าสงสาร-เห็นใจนายกฯ แพทองธารที่ต้องทำงานไปเลี้ยงลูกไปเช่นนี้!
แต่ที่น่าสงสารยิ่งกว่าก็ประชาชน-ประเทศชาติ ที่มีนายกฯ ที่ลูกยังไม่ยอมห่างอก-หย่านม คนเป็นแม่จึงเลยต้องกระเตงลูกไปทำงาน..สงสารประเทศไทย!
และวันนี้-24 มีนา. ผู้ที่ไม่มีความพร้อมเป็นนายกฯ จะร้องไห้หรือลาออก หรือยุบสภา ก็ตามดู-ตามฟังฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจไปด้วยกัน..
ใครเพลีย-ง่วงก็หลับก่อน ส่วนคนที่ตาแข็งก็ตามฟังไปเรื่อยๆ ฝ่ายค้านจะอภิปรายไปจนใกล้สว่าง และจะลากยาวต่อไปอีกวัน คาดจะลงมติได้ก็วันที่ 26 มีนา
แต่ถ้าประท้วงกันจนวุ่นสภา..ก็ 27 มีนานู้นกระมัง!
เออ..แต่เสียมู้ด-หมดอารมณ์ก่อนการอภิปราย ก็ตรงที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ดันมาเฉลยเสียก่อน ว่าพล.อ.ประวิตร จะลุกขึ้นอภิปรายโดยใช้เวลาประมาณบวก-ลบไม่เกิน 10 นาที..
อย่างงี้ ต้องบอกว่า “โฆษณาเกินจริง” อุตส่าห์ตีตั๋วรอดู..ไม่คุ้มเลย!
อ้อ แต่ไม่แน่นะ อาจคุ้มก็ได้ ถ้าเผื่อคุณเฉลิม อยู่บำรุง จะไม่สนมารยง-มารยาทตามที่คนของพรรคเพื่อไทยดักคอ แล้วขอเวลา-โควต้าของพรรคพลังประชารัฐลุกขึ้นอภิปราย..
คงได้ซี๊ดซ๊าดทั้งใน-นอกสภา!
และนั่น คงกลัวเสียงซี๊ดซ๊าดเช่นกัน คุณจิรายุ ห่วงนายกฯ เอ๊ยขอโทษ ห่วงทรัพย์ จึงได้เอ่ยปากขอ..
“อยากให้การอภิปรายในวันจันทร์นี้โดยคนรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่าแต่ยังเก๋าของพรรคฝ่ายค้านอภิปรายด้วยเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาประเทศร่วมกัน..วันนี้หมดยุคใช้วาทกรรมแบบในอดีตแล้ว ประชาชนเบื่อความขัดแย้งอยากเห็นประเทศเดินหน้าพัฒนาอย่างเจริญรุ่งเรือง
อยากให้เศรษฐกิจดีขึ้นหลังจากจมปลักกันมาเป็นสิบๆปี..ฝ่ายบริหารพร้อมรับฟังและชี้แจง แต่อยากให้สมาชิกพรรคฝ่ายค้านอภิปรายในเชิงสร้างสรรค์
ไม่มีน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง และอยากให้อภิปรายเสนอแนะ เพื่อช่วยกันเป็นสปอตไลต์นำทางให้ประเทศไทยเจริญมากยิ่งขึ้น..
คาดหวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายรูปแบบใหม่ ที่สมฐานะฝ่ายค้านรุ่นใหม่จริงๆ..
ไม่อยากให้ผู้อภิปรายฝ่ายค้านบางคนไปใช้คำล่อแหลมส่อเสียดหยาบคาย หรือบูลลี่ด้อยค่ากันเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา
สังคมไทยรับไม่ได้กับการสบประมาทหรือหลอกด่าบุพการีของกันและกัน ผมก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้ใครพาดพิงหรือด่าบุพการีของคนอภิปรายจากฝ่ายค้านอย่างแน่นอน”
ครับ..คุณจิรายุคงลืม หรือก็เป็นนิสัยของนักการเมือง ตอนเป็นฝ่ายค้านก็ด่าแหลก-ฉะยับ พอเป็นรัฐบาลก็จะพูดจามีหลักการ เหตุผล สุภาพ เป็นคนละคนไปเลย
อย่างคุณจิรายุสมัยเป็นฝ่ายค้านก็เบาเสียที่ไหน ตอนอภิปรายนายกฯลุงตู่ยังพอจำลีลาได้.. “คิดอะไรไม่ออก แจกๆๆ หาเงินกันอย่างไรช่วยบอกเถอะ
ท่านนายกรัฐมนตรีแจกเก่ง..งงง ก็แจกอย่างเดียว” แล้วรัฐบาลแพทองธารเป็นไง..กู้มาแจก เก่งงงงกว่านายกฯ ลุงตู่อีกแน่ะ!
ประโยค.. “แม่ มันจริงๆ เลยโว้ย” ก็หลุดจากปากคุณจิรายุตอนอภิปรายคุณวราวุธ ศิลปอาชา มิใช่หรือ? ฉะนั้นจะขอ จะปราม หรือห้ามไปทำไม ในเมื่อ..
ทีใคร-ทีมัน!
