สันต์ สะตอแมน
ค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ใครจ่ายครับ?
ผมถามคณะที่เดินทางไปเยี่ยม “ชาวอุยกูร์” ที่ทางการไทยได้ส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีนน่ะ
ก็คิดว่า..ส่งตัวแล้วก็จบกัน อีกอย่างในเมื่อรัฐบาลมั่นใจว่าการส่งกลับตัวชาวอุยกูร์ ทุกกระบวนการรัฐบาลได้มีการวางแนวทางในการดำเนินการ
และเป็นไปตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 แล้ว..
ทางการไทย รัฐมนตรีจะต้องเหนื่อยยาก ลำบาก เดินทางไปติดตามตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่อะไรกันอีก!
และถ้าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับไปมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดี ไม่ได้รับอิสรภาพ ถูกกดขี่ข่มเหง ถามหน่อยสิ..คุณภูมิธรรม พ.ต.อ.ทวี จะมีปัญญาแก้ไขอะไรได้?
เสียค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหารจากเงินภาษีชาวบ้านไป ก็ไม่ได้ทำให้สหรัฐเปลี่ยนใจยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่ากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย..
ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ทั้งปัจจุบันและในอดีตนั่นหรอก!
ฉะนั้น..แน่งๆ-เงียบๆ ปล่อยเลยตามเลยไปเสียจะไม่ดีกว่าหรือ ยิ่งดิ้นไปก็ยิ่งเปลืองเงิน-เปลืองตัว อีกอย่างปัญหาของคนในชาติก็มีอยู่มากมายก่ายกอง..
สู้เอาเวลาหันมาดูแล เยี่ยมเยียน ใส่ใจเรื่องปากท้องชาวบ้านที่กำลังพะงาบๆ จะตายแหล่มิตายแหล่อยู่ในขณะนี้ดีกว่ามั้ง?
ครับ..วันก่อนได้ยินคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน พูดประโยค “ไม่รู้สี่รู้แปด” ใส่หน้านายกฯ แพทองธารแล้วก็ให้แปลกใจ
ไม่รู้บรรดาลิ่วล้อไปเปิดพจนานุกรมฉบับไหนเข้าถึงได้เห่าหอน-โวยวายกันใหญ่ หาว่าคุณวิโรจน์ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่สุภาพ ไม่สมกับเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่
ซึ่งเท่าที่ตัวเองได้ฟังคำ “ไม่รู้สี่รู้แปด” นี้มา ก็ไม่เห็นว่าจะหยาบคายตรงไหน และเมื่อได้อ่านที่คุณเทพไท เสนพงศ์ โพสต์ก็ให้รู้สึกตรงใจ จึงใคร่ขออนุญาตลอกมาให้อ่านกัน..
“ผมเห็นว่าการใช้คำว่า ไม่รู้สี่รู้แปด เป็นคำที่ใช้โดยทั่วไป ซึ่งตนเองก็เคยใช้มาเช่นกัน เพราะเป็นคนภาคใต้
การพูดถึงไม่รู้สี่ไม่รู้แปด หมายถึงลักษณะภูมิศาสตร์ของภาคใต้ ที่เรียกกันว่า มีฝนแปดแดดสี่ ความหมายก็คือ มีฤดูฝน 8 เดือน ฤดูร้อน 4 เดือน
การเปรียบเทียบไม่รู้สี่ไม่รู้แปด หมายถึงการไม่รู้ฤดูกาล ไม่รู้จักกาลเวลา ไม่รู้ดินฟ้าอากาศ หรือภาษาปักษ์ใต้เรียกว่าไม่รู้จักหวัน
เมื่อไปดูความหมายในแชตจีพีที (Chat GPT) พบว่า คำว่า ไม่รู้สี่ไม่รู้แปด เป็นสำนวนไทย หมายถึง ไม่รู้อะไรเลย ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ
คล้ายกับคำว่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่สำหรับภาษาชาวบ้าน อาจจะคิดว่าไม่รู้สี่รู้แปดเป็นคำศัพท์สแลงก็ได้ แล้วแต่ใครจะคิดอย่างไร
ถ้าเป็นคนคิดลึก หรือจินตนาการไปไกลว่า เป็นคำหยาบคาย ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
แต่ที่แปลกใจมากก็คือ คำนี้เคยใช้กันอย่างแพร่หลาย คนระดับรัฐมนตรีหรือนักการเมืองหลายคนก็เคยใช้คำนี้มาแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทของการใช้ของแต่ละบุคคล แต่ครั้งนี้เป็นการใช้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จึงทำให้ลิ่วล้อ บริวาร เดือดร้อนแทน ดิ้นกันพรวดพราด
ทนกับคำพูดในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้ จึงออกมาตอบโต้กันอย่างรุนแรง จะเห็นได้ว่าครั้งนี้เป็นเพียงแค่การใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้นอกสภา ยังมีคนเรียงหน้าออกมาตอบโต้แทนจำนวนมาก
ถ้าหากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร ลองคิดดูว่าพวกองครักษ์และ สส.พรรคเพื่อไทยจะเรียงหน้าออกมาประท้วงมากขนาดไหน”..
เนี่ย..ไหนๆ ก็ไหนๆ เห็นแฟชั่นการแต่งตัวของนายกฯ กับคณะรัฐมนตรีที่เรียงหน้ากระดานถ่ายภาพวันก่อนแล้ว ก็ให้คิดดังๆ..
“มันช่างไม่รู้สี่รู้แปด” กันเลยจริงๆ!
