วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 16.00 น. กรมการศาสนา ร่วมกับกรมศิลปากร จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองมรดกโลกภูพระบาท ณ โบราณสถานหอนางอุสา อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี โดยมีนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วมในพิธี
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา กรมศิลปากร และจังหวัดอุดรธานี จัดพิธีฉลองมรดกโลกภูพระบาทในโอกาสที่ได้รับประกาศรับรองการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการจากยูเนสโก และการติดตั้งตราสัญลักษณ์มรดกโลกและใบประกาศรับรองการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกจากยูเนสโกอย่างเป็นทางการ หลังจากองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” Phu Phrabat, a testimony to the Sima stone tradition of the Dvaravati period)” ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี
ในการนี้กรมการศาสนา จึงได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองมรดกโลกภูพระบาท ณ โบราณสถานหอนางอุสา โดยมีพระราชภาวนาวชิรากร วิ. (อินทร์ถวาย สันตุสสโก) เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคลวนาราม (วัดป่านาคำน้อย) อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี แสดงธรรมเทศนา เป็นเวลา 30 นาที และนำพุทธศาสนิกชนเจริญจิตภาวนา เป็นเวลา 10 นาที ซึ่งการฟังธรรมนับเป็นวิธีการทำบุญที่มีอานิสงส์ผลบุญใหญ่ อานิสงส์ใหญ่คือ ทำให้เกิดปัญญาช่วยขัดเกลาจิตใจให้ไกลจากกิเลสทั้งหลาย จนเข้าสู่กระแสพระนิพพาน ส่วนอานิสงส์น้อยคือ ได้ไปสวรรค์ บางครั้งแม้แต่สัตว์เดรัจฉานได้ฟังธรรมเพียงครั้งเดียวยังได้ไปเกิดในสวรรค์ และเจริญจิตภาวนานั้น หมายถึงการฝึกปฏิบัติจิตใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อให้จิตใจสงบ มั่นคง เป็นสมาธิ ฝึกปฏิบัติตนจนเกิดปัญญาเอาชนะกิเลสทั้งหลายได้ ฉะนั้น การได้เจริญจิตภาวนาจึงนับว่าเป็นการสร้างบุญบารมีสูงสุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา ผลจากการเจริญจิตภาวนาจะทำให้ผู้ปฏิบัติมีจิตใจผ่องใสบริสุทธิ์ ไม่เศร้าหมอง มีความมั่นคงแน่วแน่ และมีปัญญาสามารถเอาชนะกิเลส ให้พุทธศาสนิกชนได้เจริญจิตภาวนา นอกเหนือจากวันธรรมสวนะและในโอกาสต่างๆ
การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๖ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้มีมติประกาศขึ้นทะเบียนแหล่งอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลก ลําดับที่ ๑๕๐๗ ในชื่อ ภูพระพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี (Phu Phrabat, a testimony to the Sima stone tradition of the Dvaravati period) โดยมีคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (OUV) ในฐานะแหล่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖ ซึ่งภูพระบาทยังคงรักษาความเป็นแหล่งสีมาหินสมัยทวารวดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและแผ่ขยายไปในภูมิภาค ประเพณี การปักใบสีมาและการดัดแปลงเพิงหินแสดงถึงการปรับเปลี่ยนลักษณะภูมิทัศน์ตามธรรมชาติให้เป็นศูนย์กลางทางศาสนา ภาพเขียนศิลปะบนเพิงหิน ๔๗ แห่ง เป็นหลักฐานทางกายภาพของการเข้ามาอยู่อาศัยของมนุษย์มากว่า ๒,๐๐๐ ปี ภูพระบาทนับเป็นสถานที่ซึ่งพุทธศาสนาผสมผสานกับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมยังคงอยู่ร่วมกัน โดยลักษณะทางภูมิทัศน์ของภูพระบาทได้มีการปรับเปลี่ยนสำหรับการตั้งสีมานิมิตและมีใช้งานพื้นที่อย่างต่อเนื่องในการประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องกว่า ๔ ศตวรรษ และมีความสัมพันธ์กับประเพณีและวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีหรือวัดป่า เป็นการใช้พื้นที่ที่แสดงถึงวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดีที่โดดเด่นที่สุดในราบสูงโคราช เมื่อมีการรับพุทธศาสนาเข้ามาจึงเกิดการสืบทอดประเพณีการปักหลักหินเพื่อใช้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ผสมผสานความเชื่อท้องถิ่นกับความเชื่อด้านพุทธศาสนา