ผักกาดหอม
ล่มซ้ำซาก…
แต่ก็ดีแล้วครับที่สภาล่ม ๒ วันติด เพราะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ไม่ควรถูกฉีก
พรรคเพื่อไทยเล่นเกมซื้อเวลา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีเอกภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย มีความชัดเจนว่าไม่ร่วมสังฆกรรม
อีกประเด็นเพราะความไม่แน่ใจว่าการทำประชามติต้องทำตอนไหน กี่ครั้ง หากปล่อยให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้า อาจต้องหงายหลังระหว่างทางได้
การแถลงข่าวของคณะ สส.พรรคเพื่อไทย โดย “สุทิน คลังแสง” ดูเหมือนจะชัดเจน แต่ก็ลับลวงพรางอยู่นิดหน่อย
“…เมื่อเรามีจุดยืนที่จะรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้เพื่อหาลู่ทางนำไปสู่การแก้ไขให้สำเร็จ จึงรักษาไว้ด้วยวิธีการให้มีการพิจารณา จึงทำวิธีการที่ไม่อยากทำ คือไม่เป็นองค์ประชุม และในที่สุดการประชุมวันนี้ไม่สามารถดำเนินการไปได้
เมื่อไม่ได้ร่างนั้นยังอยู่
เราจะพยายามนำสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาตีความอีกครั้งหนึ่งให้ได้ ไม่ใช่ให้ค้างอยู่ และมีบางพรรคการเมืองไม่เข้าใจเรา ซึ่งต้องเข้าใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยุ่งยากจนทำให้หลายคนมองว่าจะไม่สำเร็จนั้น เกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ชัดเจน
หลายฝ่ายหยิบยกไปตีความเข้าข้างตัวเอง
ฝ่ายที่ไม่อยากแก้ ก็ได้ทีตีความว่าศาลพิจารณาแบบนี้ จะแก้ไม่ได้
หากแก้ได้ต้องทำประชามติ ๓ ครั้ง
นั่นคือความไม่ชัดเจนคลุมเครือ ถูกฝ่ายไม่อยากแก้นำไปเป็นความชอบธรรมให้ตัวเอง ถึงขั้นข่มขู่ว่าใครร่วมพิจารณามีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีและถอดถอน ทำให้สมาชิกหลายคนวิตก ซึ่งเป็นข้อเสียของความไม่ชัดเจน…”
พรรคเพื่อไทยมิได้กังวลว่าหากปล่อยให้มีการพิจารณาต่อ แล้วเกิดโหวตแพ้ร่างแก้ไขรัฐธรมนูญจะตกไปสักเท่าไหร่ เพราะมิได้กระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาลมากนัก
แต่เป็นการเกรงว่าอาจทำผิดไปจากที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ และสิ่งที่ตามมาคืออาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ เพราะแก้รัฐธรรมนูญโดยมิชอบ
ซึ่งสิ่งที่ต้องแลกมาคือเสถียรภาพของรัฐบาล
ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะใช้ช่องทางที่ปลอดภัยที่สุด คือยืมจมูกหมอเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา หายใจ
รอฟังคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่พรรคประชาชนยังคงเล่นบทโฉ่งฉ่างเหมือนเคย
อ้างเรื่องสภาล่ม เรียกร้องให้ยุบสภา!
ถ้าสภาล่มแล้วต้องยุบสภา สงสัยคงได้ยุบกัน ๒-๓ เดือนหน
สมัยที่ยังเป็นพรรคก้าวไกล เล่นบทฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทยในรัฐบาลลุงตู่ สภาล่มแทบจะทุกเดือน
บางเดือนล่ม ๔-๕ ครั้ง
ในรัฐบาลเศรษฐา ก็ล่มสภาบ่อยไม่แพ้กัน
ฝีมือใครครับ
พรรคส้มเคยเล่นเกมล่มสภามาก่อนจำไม่ได้หรือครับ
ทำบ่อยด้วย
เพียงแต่คราวนี้ที่ล่ม ๒ ครั้งติด เพราะพรรครัฐบาลทำให้ล่ม
แต่ผลมันคือสภาล่มเหมือนกัน
สภาล่ม อาหารเหลือ สิ้นเปลืองงบประมาณ แต่นั่นเรื่องเล็กน้อยครับ เมื่อเทียบกับความพยายามในการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง
เป็นเรื่องย้อนแย้งพอสมควรครับเมื่อพรรคการเมือง นำเสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันเป็นฉากๆ ของพรรคเพื่อไทยวานนี้เขียนถึงไปแล้ว ถึงคิวพรรคส้ม มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง
พรรคส้มชูธงร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมอย่างน้อย ๓ ด้าน
ปิดช่องรัฐประหาร เพื่อไม่ให้รัฐธรรมนูญถูกฉีกได้ง่าย
เพิ่มสิทธิของประชาชนในการต่อต้านรัฐประหาร และ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร
ห้ามศาลทั้งปวงรับรองรัฐประหาร และกำหนดให้ทุกสถาบันทางการเมืองมีหน้าที่ร่วมกันในการปกป้องประชาธิปไตย
ห้ามนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร และเปิดช่องให้ประชาชนดำเนินคดีกับผู้ก่อรัฐประหารในความผิดฐานกบฏได้
ปกป้องเสียงของประชาชน ผ่านการรื้อกลไกที่ถูกใช้ในการสืบทอดอำนาจ
ยกเครื่องศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ทำให้เป็นกลาง มีระบบตรวจสอบที่ยึดโยงกับประชาชน
ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี เพื่อให้นโยบายเท่าทันโลก และกำจัดข้ออ้างในการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อให้อำนาจในการกำหนดอนาคตของทุกพื้นที่ทุกจังหวัด อยู่ในมือของประชาชนผู้เกิด-ผู้อาศัย-ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่ ไม่ใช่ส่วนกลาง
ที่บอกว่าย้อนแย้งก็เพราะ พรรคส้มแก้รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖ เปิดทางฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทิ้ง โดยให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้่งเป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่กลับกำหนดกรอบว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีหน้าตาอย่างไร
แบบนี้เรียกว่าแทรกแซง ส.ส.ร.ตั้งแต่ไก่โห่หรือเปล่า
คิดว่า ส.ส.ร.เป็นเพียงร่างทรงอย่างนั้นหรือ
ครับ…กลับไปที่เรื่องยุบสภา!
อาจเกิดขึ้นจริงในไม่ช้าไม่นานนี้ มิใช่เพราะเหตุสภาล่มครั้งนี้โดยตรง
แต่เป็นเพราะรอยปริในรัฐบาลที่นับวันแผลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พรรคร่วมรัฐบาลมิได้เป็นเนื้อเดียวกันชนิดไร้รอยต่อ
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพียงตัวเร่ง ให้ความขัดแย้งที่มีอยู่เดิมบานปลายยิ่งขึ้น และดูเหมือนจะมีการเอาคืน
คนที่ออกมาพูดเรื่องสนามกอล์ฟ ที่นครราชสีมาของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ทับที่ดิน ส.ป.ก. พอจะต่อจิกซอว์ได้ว่า คลื่นใต้น้ำในรัฐบาลกระเพื่อมรุนแรงขึ้นทุกวัน
“ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน ตำแหน่งแห่งหนไม่โนเนมนะครับ
ยิ่งรู้ว่าทำงานใกล้ชิดกับใคร ก็ยิ่งเห็นถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
“หน้าตัวเมีย” คือเสียงตอบโต้จาก “อนุทิน”
ตั้งแต่ที่ดินเขากระโดง เชือดเฉือนกับที่ธรณีสงฆ์
มาวันนี้มีการอ้างว่าสนามกอล์ฟ “อนุทิน” อยู่ในที่ดินส.ป.ก. ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ไม่เล่นเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญตามก้นพรรคเพื่อไทย
แต่…ยังหรอกครับ แค่นี้ยังไม่ถึงกับทำให้รัฐบาลพังพาบ
ถ้าเป็นมวยก็เพิ่งจะไหว้ครู
ขึ้นยกหนึ่งอาจไปต่อยกสองสามสี่
แต่ใครจะไปรู้ อาจมีน็อก และจบที่ยกหนึ่ง
เพราะนี่คือการเมือง
