เหตุที่ “ฝนหลวง” หาย? #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

เพราะ “ประเทศกูมี”…..
ลูกสาวหัวหน้าคอกหมา “เป็นนายกฯ”
มี “หมาในคอก” เป็นรัฐมนตรี
มี “คิงคอง” ทำงาน…ทำงาน…ทำงาน เป็นผู้ว่าฯ กทม.

แต่พอ “ฝุ่น PM2.5” คลุมเมือง ทั้งหมาในคอก-ทั้งคิงคอง ที่คุยนักหนา ว่ามากปัญญา-รู้ปัญหาเจนจบ
เหมือนหมาเจอปลากระป๋อง ได้แต่ยกตีนเกาหู นั่งจ้อง ไม่รู้จะทำยังไง?

ฝ่ายคิงคองได้แต่กรอกตา วางท่าผู้ทรงภูมิ แล้วบอก

“การจะแก้ปัญหาฝุ่น เราต้องใช้เหตุผล ใช้วิทยาศาสตร์เป็นหลัก จะใช้ความรู้สึกไม่ได้”
โห…คมกริบ ต้องคารวะด้วยกล้วยทั้งหวีกันเลยเชียว!

ฝ่ายรมต.ฉ่ำกับเครื่องกรองอากาศในห้องแอร์ จนสมองในกะโหลกฝ่อ รู้แค่เลียกับรอนายสั่ง กับทุกอย่างต้อง ๓๐%

ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่เห็นนายสุริยะ รมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข เป็นตุ๊กตาไขลาน

นายไขมาจากดาวอสโน่น “นายกฯ แพทองธาร” โพสต์เฟซ ทวิต X สั่งการมา ดังนี้

“เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังเป็นที่น่ากังวล ดิฉันจึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น ดังนี้ค่ะ…..

มี ๖ ข้อสั่งการ ขอสรุปเอาละกัน

๑.ให้เวิร์ก ฟรอม โฮม สั่งคมนาคมจัดการให้คนขึ้นรถไฟฟ้า-รถขสมก.ฟรี ๗ วัน ใช้งบกลางชดเชย ๑๔๐ ล้าน

๒.ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากมีความชื้นมากเพียงพอ ขอให้ปฏิบัติการฝนเทียมเจาะช่องบรรยากาศทั่วกรุงเทพฯ

๓.ที่ไหนเผา ให้กระทรวงทรัพย์ฯ จัดการ

๔. ให้กระทรวงดิจิทัลฯ ตั้งแอป รับแจ้งเหตุการณ์เผา

๕. ให้ผู้ว่าฯ กทม.กวดขันไซต์ก่อสร้างไม่คลุมผ้าป้องกันฝุ่น และ

๖.ให้ตำรวจกวดขันรถควันดำ

จีเนียสยิ่งกว่าไอน์สไตน์นะเนี่ย คิดแก้ปัญหาฝุ่น pm 2.5 และสั่งการได้ด้วยตัวเองตั้ง ๖ ข้อ!

สั่งปุ๊บ สุริยะเด้งรับปั๊บ
คนกรุงอย่าขับรถออกจากบ้านนะ ให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี รถเมล์ ขสมก.ฟรี ๗ วัน หรือไม่ก็ “เวิร์กฟรอมโฮม” แก้ปัญหาฝุ่น

ขอบคุณฝุ่น PM2.5 ซะนะ ที่ช่วยให้ถลุงงบกลางได้ตั้ง ๑๔๐ ล้าน มาตรการนี้แก้ฝุ่นได้ จะแก้ผ้ารำถวายสุริยะ

บรรดาที่เกามาทั้งหมด ถูกที่คันจุดเดียว คือการทำ “ฝนเทียม” หรือคือ “ฝนหลวง”!

ปกติ รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ประชาชนทุกข์ทรมานจากฝุ่น PM2.5 ถึงขั้นหายใจออกมาเป็นเลือด อย่างตอนนี้/ปีนี้

จะให้ “กรมฝนหลวงและการบินเกษตร” ทำฝนเทียมไปนานแล้ว

มาปีนี้/ครั้งนี้แหละ การทำฝนหลวงไม่มี ปล่อยให้ฝุ่น PM2.5 เป็นเพชฌฆาตฆ่าคน

โดยรัฐบาลและผู้ว่าฯกทม. “หากระดิกสำนึกไม่”!

ที่เรียก “ฝนหลวง” เพราะ “พ่อบนฟ้า” รัชกาลที่ ๙ ทรงคิดค้น วิจัย พัฒนา “เทคโนโลยีฝนหลวง” จนประสบผลสำเร็จ

ช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นภัยแล้ง มีน้ำกิน-น้ำใช้เพื่อการเกษตร จนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตราบปัจจุบัน

ทำไม “ฝนหลวง” จึงหายไป?
ชัดๆ คำเดียว รัฐบาล “ตัดงบ” ไปทำอย่างอื่น เช่น “ซอฟต์ พาวเวอร์” งบตั้ง ๕,๐๐๐ กว่าล้านบาท!

ถ้าว่าผมใส่ร้าย งั้นขอเอาคำที่อธิบดีกรมฝนหลวง “นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม​​​​​​​” ที่ลาออกเมื่อปลายปี ๖๗ ให้สัมภาษณ์สื่อไว้มาให้อ่าน

ขณะนี้ ท่านลงสมัคร “นายกอบจ.สงขลา” ที่จะเลือกกัน ๑ กุมภา.ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ สิงหา.๖๖ ตอนหนึ่ง ดังนี้

“…….มีอุปสรรคเรื่องงบประมาณ จากในแต่ละปีที่ผ่านมา รัฐบาลจัดสรรงบให้กับ “กรมฝนหลวงและการบินเกษตร” เฉลี่ยปีละ ๒,๐๐๐ ล้านบาทเศษ

ล่าสุด ปี ๒๕๖๗ ของบไป ๗,๐๐๐ ล้านบาท แต่ได้รับจัดสรรเพียง ๒,๑๖๑ ล้านบาท ไม่เพียงพอกับภารกิจหลักในการสร้างฝนเทียม

แค่ค่าเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายประจำ งบผูกพัน ก็กว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาทแล้ว

ส่วนงบทำ “ฝนหลวง” ขอไป ๖๐๐ ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณจัดมาให้ ๓๑๒ ล้านบาท ใช้ใน ๗๗ จังหวัด
เฉลี่ยแล้วจะได้กี่บาท ทั้งที่โครงการนี้มีประโยชน์มาก

“ค่านํ้ามันเครื่องบิน หมดไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนา. ต้องโยกงบอื่นมาเกลี่ย ทั้งที่มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ เพื่อให้พอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ อีกด้านหนึ่ง ก็ขอเพิ่มอีกกว่า ๓๐๐ ล้านบาท

แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ ทั้งที่การทำฝนหลวงเป็นภารกิจเร่งด่วน แต่ขอไปทำอย่างอื่น….อนุมัติทันที”

ทั้งที่ผ่านมา เราได้ปฏิบัติภารกิจมากมาย ทั้งช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล
และภาคเหนือ ดับไฟป่า แก้ปัญหาฝนทิ้งช่วงให้เกษตรกรในจังหวัดต่างๆ ที่ร้องขอมา

เวลานี้ เครื่องบิน บินได้แค่ ๒๐ กว่าลำ จากทั้งหมด ๔๐ ลำ เพราะไม่ให้งบประมาณมา

ตรงนี้ เราจำเป็นต้องสะท้อนปัญหา เพราะเป็นข้อเท็จจริง เพื่อให้นักบริหารได้เข้าใจ”

ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งบอก ทำฝนหลวงต้องอาศัยความชื้นนั้น เพื่ออัพเดทความเข้าใจ อ่านที่คุณสุพิศเขาบอกนี้นะ

“…….การ “ทำฝนหลวง” ไม่จำเป็นเริ่มตั้งแต่ก่อเมฆ แต่สามารถโจมตีเมฆให้ควบแน่นและตกเป็นฝนลงบนพื้นที่เป้าหมายได้เลย

ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อได้รับมอบหมาย ก็มาเรียนรู้ โดยเชิญนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญมานั่งติวให้ทุกวัน

ทั้งนี้ “เอลนีโญ” จากฝนตกน้อย กรมฝนหลวงฯ ช่วยได้ ซึ่งหากพูดภาพใหญ่ของการบริหารเพื่อรับมือเอลนีโญ และการน้อมนำพระบรมราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เรื่องสืบสานและต่อยอด

เช่น เครื่องบิน สนามบิน สารฝนหลวง ต้องพัฒนา และต้องใช้งบเพิ่มในส่วนนี้ ไม่ใช่ให้งบแบบงบประจำ
เพราะต้องใช้งบในการสร้างนักวิทยาศาสตร์ สร้างงานวิจัย ต้องพัฒนา

จะใช้วิธีโปรยเกลือเหมือนเดิมไม่ได้ ต้องคิดแบบแนวอื่น ซึ่งจะต้องให้งบวิจัยมาด้วย ในส่วนนี้ของบไป ๑๐ ล้านบาท แต่ได้มาเพียง ๕ แสนบาท”

อีกซักหน่อย เผื่อหูนายสุริยะจะกระดิก อธิบดีสุพิศว่า

“…….กระทรวงคมนาคม ควรยก “สนามบิน” ที่ไม่ใช้แล้ว ๑๐-๒๐ ปี ที่รกร้าง โอนให้กรมฝนหลวงฯ มาพัฒนา
เพื่อเป็นฐานปฏิบัติการฝนหลวงให้ครบวงจร ตรงนี้ คือความหมายของการต่อยอด…..”

ฝนหลวง ของบไป ๖๐๐ ล้าน แต่ได้มาแค่ ๓๑๒ ล้าน ใช้ใน ๗๗ จังหวัด

งั้นมาดูงบ “ซอฟต์เบรน” ที่แพทองธารเป็นแม่งานกันหน่อย ว่าเอาไปทำอะไรกันบ้าง? “Rocket Media Lab” เขารวบรวมไว้ ขอนุญาตนำบางส่วนมาบอกประชาชนผู้เป็น “เจ้าของเงิน” ได้รู้กันไว้ ดังนี้

งบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ทั้ง ๑๑ สาขา ๕๔ โครงการ รวม ๕,๒๐๑,๒๙๕,๑๗๙ บาท

ยังไม่รวมการจัด งาน Soft Power Forum อีก ๙๐ ล้านบาท และ World Water Festival ซึ่งยังไม่ได้ตั้งงบประมาณในการจัดงานไว้

โครงการที่ใช้งบประมาณมากที่สุด จากทั้งหมด ๕๔ โครงการ คือ

งบ “ประชาสัมพันธ์” มากสุด ทำสื่อสารทางการตลาด ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำแอปพลิเคชั่น
รวม ๑,๖๗๖,๑๓๓,๐๖ บาท คิดเป็น ๓๒.๒๓ % มีทั้งหมด ๒๙ โครงการ

อันดับ ๑.สาขาเฟสติวัล ของบฯ มากที่สุด เป็นเงิน ๑,๐๐๙,๘๔๐,๐๐๐ บาท
อันดับ ๒.สาขาอาหาร ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
อันดับ ๓ สาขาท่องเที่ยว ๗๔๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ทั้ง ๓ สาขานี้ ใช้งบฯ รวมกัน ๕๓% มากกว่าครึ่งของงบฯ “ซอฟต์พาวเวอร์” ทั้งหมด

จากกรอบวงเงินทั้งหมด ๕,๑๖๔ ล้านบาท (แต่จากการบวกงบประมาณทั้ง ๑๑ สาขา ได้รวม ๕,๒๐๑,๒๙๕,๑๗๙ บาท ยังไม่รวมจัด Soft Power Forum อีก ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ World Water Festival)

อันดับ ๔. ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ ๕๔๕,๒๐๐,๐๐๐ บาท
อันดับ ๕ กีฬา ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
อันดับ ๖ ศิลปะ ๓๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ในเอกสารประกอบการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ สาขาศิลปะ สรุปใช้งบประมาณ ๖๒๕ ล้านบาท แต่ในโครงการย่อย ๕ โครงการ รวมกันได้ ๓๗๕ ล้านบาท)

อันดับ ๗ สาขาเกม ๓๗๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
อันดับ ๘ สาขาแฟชั่น ๒๖๘,๙๐๐,๐๐๐ บาท
อันดับ ๙ สาขาออกแบบ ๑๖๕,๙๓๖,๙๗๙ บาท
อันดับ 10 สาขาดนตรี ๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐บาท และ อันดับ ๑๑ สาขาหนังสือ ๖๙,๔๑๘,๒๐๐ บาท

ทุกสาขามุ่ง “จัดอีเวนต์” มากเป็นอันดับสอง ๑.๒๔ พันล้านบาท คิดเป็น ๒๓.๙๒% ของงบประมาณทั้งหมด
สรุปแล้ว งบซอฟต์ พาวเวอร์ ๕,๐๐๐ กว่าล้าน…
หมดไปกับทำประชาสัมพันธ์กับจัดอีเวนต์-อีเวร มากกว่าครึ่ง!

ในขณะที่งบทำฝนหลวง ขอ ๖๐๐ ล้าน เขี่ยเป็นเศษเนื้อข้างเขียงให้แค่ ๓๑๒ ล้าน!?

เหตุที่ไม่เห็นเรือบินขึ้นบินทำฝนหลวงดับฝุ่น PM2.5 จนชาวพารา ตาแดง-จมูกดำ-เลือดกำเดาไหล กันทุกวันนี้

ก็รู้ไว้ ส่วนหนึ่งเพราะเพื่อไทยเอางบไปผลาญทำ “ซอฟต์ พาวเวอร์”
กับแจก ๕ แสนล้าน

ขืนให้เป็นรัฐบาลต่อไป ก็คงต้อง “ขายประเทศ!?

เปลว สีเงิน
๒๕ มกราคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

Written By
More from plew
ไทย “กะล่อนทอง” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน ช่วย “คิด-วิเคราะห์” กันดูซักนิดซิว่า….. ทำไมชายแดนด้าน “ไทย-พม่า” จึงเกิดกรณียั่วยุขึ้นไล่เลี่ยกันถึง ๒ จุด ที่เหนือ “ว้าแดง”...
Read More
0 replies on “เหตุที่ “ฝนหลวง” หาย? #เปลวสีเงิน”