ผักกาดหอม
สิ้นปีแล้ว…แทนที่จะได้พักหูบ้าง
“พ่อริ-ลูกยำ” สมุนตาม ชาวบ้านด่ากันขรม ยังไม่พออีกหรือ
ครับ…เรื่อง ที่กรมราชทัณฑ์ ขยายขอบเขตอำนาจตนเองจนใหญ่กว่าศาลมากขึ้นทุกที แทนที่จะฟังเสียงทักท้วงบ้าง กลับเดินหน้าขี่ศาลไม่หยุดหย่อน
ขยันออกระเบียบเอานักโทษไปขังนอกคุกจริงๆ
พระเอกของเรื่องหนีไม่พ้น “ทวีไอพี สอดไส้” ครับ
ไม่ทราบเป็นเจตนาดีหรือประสงค์ร้าย เพราะแยกไม่ค่อยจะออกแล้ว
คราวนี้จะโยนให้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้แล้วครับ เพราะกรมราชทัณฑ์ ออกระเบียบว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ มีผลบังคับใช้ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖
ก็อยู่ในยุครัฐบาลเศรษฐาหมาดๆ และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมชื่อ ทวี สอดส่อง
สาระสำคัญของระเบียบฉบับนี้คือสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ
“ทวีไอพี” ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ที่ผ่านมา มีประเด็นชวนให้สงสัยว่า ที่ขยันออกระเบียบนี้เพื่ออะไรกันแน่
“…ขณะนี้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเสร็จแล้ว โดยประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว อาจไม่มีการแก้ไขอะไร…”
“…จะเห็นได้ว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก บางที่เราอาจต้องให้เขาออกไปอยู่ข้างนอก โดยอาจเป็นที่คุมขังอื่น แต่จะอยู่ได้แค่ในที่นั้น เพียงไม่ให้เกิดความแออัดในเรือนจำ เช่น คนเป็นโรคไตวาย จะไว้ในเรือนจำไม่ได้ อีกทั้งโรงพยาบาลทัณฑสถานเองก็เล็ก คาดว่าจะได้ใช้ระเบียบดังกล่าวแล้ว…”
“…เนื่องจากระเบียบดังกล่าวมีขั้นตอนเยอะ มีคณะกรรมการระดับกรม ผบ.เรือนจำ องค์กรที่เข้ามาช่วยดู และที่สำคัญผู้ที่ออกไปคุมขังอื่นต้องติดกล้องเพื่อให้ดูได้ บางส่วนอาจติดกำไล EM รวมถึงมีการจำกัดพื้นที่
คาดว่าบังคับใช้หลังเดือนมกราคม โดยโทษส่วนใหญ่จะเป็นโทษเล็กน้อย ตั้งแต่ ๔ ปีลงมา หากเรือนจำไหนพร้อมก็จะทำ โดยจะต้องดูเรื่องของสุขภาพและมีความผิดน้อยก่อน
ส่วนการเตรียมรับมือ เนื่องจากหลายคนมองว่าระเบียบดังกล่าวถูกข้อครหาว่าจะทำเพื่อคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ อีกทั้งมีโทษสูงกว่าที่กำหนด…”
เป็นการยืนยันว่า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้ประโยชน์จากระเบียบฉบับนี้
แต่ยิ่งอ่านหลายๆ เที่ยว ทำไมรู้สึกว่า “ยิ่งลักษณ์” จะได้ประโยชน์เต็มๆ
ก็ง่ายๆ ครับ ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เทียบกับ “ทักษิณ” ศาลลงโทษจำคุก ๑๐ ปี
ไปๆ มาๆ เหลือแค่ ปีเดียว
สุดท้ายไม่ติดคุกเลย ไปนอนห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจแทน
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก “ยิ่งลักษณ์” ๕ ปี ก็มีโอกาสที่จะเหลือ ๑ ปี
ก่อนอื่นไปดูสาระสำคัญหลักๆ ของระเบียบฉบับนี้
การคุมขังนอกเรือนจำนั้น จะสามารถคุมขังที่บ้านได้ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด มีคำพิพากษาแล้ว ต้องโทษจำคุกครั้งแรก และโทษไม่เกิน ๔ ปี
มีความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำน้อย
หากมีการพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษ ให้ถือเอากําหนดโทษตามหมายแจ้งโทษเด็ดขาดหรือคําสั่งให้ลดโทษฉบับหลังสุด
ประเด็นสำคัญคือ คดีที่ไม่เข้าข่ายการคุมขังนอกเรือนจำ เช่น ก่อการร้าย ยาเสพติด อั้งยี่ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ผู้กระทำความผิดซ้ำ
ส่วนการทำผิดมาตรา ๑๕๗ เจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ และมาตรา ๑๑๒ ไม่นับเป็นลักษณะต้องห้าม ตามระเบียบฉบับนี้
สุดติ่งจริงๆ!
เจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ เป็นคดีคอร์รัปชันนะครับ
คดีโกง ประพฤติมิชอบ ระหว่างอยู่ในชั้นศาลมันร้ายแรงนะครับ
แต่พอเอามาอยู่ในมือกรมราชทัณฑ์ ทำไมมันเบาหวิวกว่าคดีลักวิ่งชิงปล้นอีก
มันเบากว่าแม้กระทั่งยาบ้า ๑๐ เม็ด
ถามจริงใครเป็นคนคิด?
ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก “ยิ่งลักษณ์” ๕ ปีโดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแล ระงับยับยั้ง หรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในการระบายข้าว
แต่กลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ กับพวก แสวงผลประโยชน์ แอบอ้าง ทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหาย ดังนั้น การกระทำของจำเลย จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต
คือความผิดตาม ม.๑๕๗
จากนี้ไม่ต้องปราบโกงกันหรอกครับ กระบวนการยุติธรรมทำงานกันแทบตาย กว่าจะเอาคนโกงเข้าคุกได้ สุดท้ายผู้มีอำนาจสั่งตัวจริงว่าต้องติดคุกจริงกี่ปีคือ กรมราชทัณฑ์ ภายใต้การกำกับของกระทรวงยุติธรรม ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี
ที่ “ทักษิณ” บอกว่า “ยิ่งลักษณ์” จะกลับมาช่วงสงกรานต์ที่จะถึง ก็เริ่มมีเค้าแล้วครับ
กระบวนการทำให้โทษจาก ๕ ปี เหลือไม่เกิน ๔ ปี คงไม่ยากหากจะทำ
“สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ท่านก็น่ารักน่าชังครับ บอกว่า
“…ท่านยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเข้ามาที่กรมราชทัณฑ์ เนื่องด้วยเจ้าตัวยังไม่ได้เข้ามาอยู่ที่เรือนจำ แต่หากเข้ามาที่เรือนจำเมื่อใดจึงจะยื่นขออภัยโทษได้…”
ครับ…จัดไป!
อยู่ที่รูปแบบครับว่า จะมาลักษณะไหน
นักโทษที่อยู่ในข่าย ต้องมีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง ไม่สามารถรักษาให้หายขาด เป็นผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง หรืออยู่ในภาวะวิกฤตเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือก่อให้เกิดความพิการ หรือไม่
สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง
เป็นผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง เป็นภาวะให้ผู้อื่นดูแล หรืออยู่ในภาวะพึ่งพิง (Dependent) และให้มีใบรับรองความเห็นแพทย์ของทางราชการ จำนวน ๒ คน ให้ความรับรอง
เอาโรคอะไรดี
ป่วยมะเร็ง
เบาหวาน
มาเถอะครับเข้าเกณฑ์หมด มีหมอเซ็นแค่ ๒ คนก็ฉลุย
“ยิ่งลักษณ์” มีอาการเจ็บป่วยอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบครับ เพราะถามอากู๋แล้ว ยังไร้คำตอบ
จะมีก็แค่ “น้ำในหูไม่เท่ากัน” ที่ใช้ตอนหนีไปต่างประเทศ
โรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติหรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน ซึ่งส่งผลต่อการได้ยินและการทรงตัว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการมักจะค่อยๆ แย่ลงจนไม่สามารถรักษาให้กลับมาดีอย่างเดิมได้
มันเข้าเกณฑ์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดอยู่เหมือนกันนะครับ
ว่าแต่จะกล้าหรือเปล่า เพราะก๊วนที่ช่วยพี่ชายกำลังถูกสอบอยู่
รอเล่นน้ำสงกรานต์นะครับ