สันต์ สะตอแมน
ซาบซึ้งน้ำตาเล็ด!
ก็ที่ธนาคาร (ออมสิน) ได้ทำตามนโยบายรัฐ ด้วยการยกหนี้ NPLs สินเชื่อโควิด 19 เพิ่มอีกกว่า 110,000 ราย..
รวมช่วยปลดหนี้ประชาชนกลุ่มเปราะบางแล้วมากกว่า 830,000 ราย คิดเป็นเงินต้น 5,800 ล้านบาทนั่นแหละ!
นี่..ถ้าหันมาดูแลช่วยเหลือ “ลูกหนี้” (ผ่อนบ้าน) ที่ก็หาเช้ากินค่ำ เป็นพนักงาน-ลูกจ้าง แต่พยายามเก็บออมเงินแต่ละเดือนๆ ไว้ส่งค่าผ่อนบ้านไม่เคยขาด-ไม่เคยค้างบ้างก็ดีนะ
อย่างน้อยก็เพื่อปลอบขวัญเป็นกำลังใจ หรือจะเรียกว่าเป็น “โบนัส”ให้กับลูกหนี้ชั้นดี ที่มีความรับผิดชอบ ก็ไม่น่าจะกระทบต่อกำไร(มหาศาล)ของธนาคารสักมากมาย!
ที่สำคัญ เมื่อรัฐบาล-ธนาคารมีเมตตาที่จะช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์เข็ญ ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ก็ต้องช่วยให้ทั่วถึง..
เพื่อประคับประคองลูกหนี้ชั้นดี ไม่ให้ต้องกลายเป็นลูกหนี้เอ็นพีแอลพอกพูนเพิ่มขึ้น!
เพราะที่หวัง..มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี นั้น มันไม่เกิดขึ้นแน่แล้วในรัฐบาล-แพทองธาร มีก็แต่..
กูจะกิน กูจะเอาคาสิโน กูจะเอาสมบัติชาติไปแบ่งขายเท่านั้น..ที่เห็น!
ฉะนั้น..ช่องทางไหนที่ธนาคารรัฐ-พาณิชย์พอจะเจียดเป็นโบนัสให้กับ “ลูกหนี้ชั้นดี” ได้ ก็น่าจะได้คิดออกเป็นโครงการขึ้นมา..
เช่นว่า “ลดดอกเบี้ย” ให้สักปีสองปี คงไม่ถึงกับขาดทุนป่นปี้หรอกกระมัง?
เอาเว้ยเฮ้ย..ทนายความเขารู้สึกอับอายขายขี้หน้าขึ้นมาแล้วพ่อแม่พี่น้องเอ๋ย วานซืนคุณไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ทนายความ โพสต์..
“สภาทนาย ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญ ที่ดูแลทนายความทั่วประเทศ ย่อมรู้เห็นสภาพอันเป็นไปในบ้านเมืองขณะนี้
ที่ทนายความของเรา จำนวนหนึ่ง มีพฤติกรรม ที่กระทบต่อมารยาทและเกียรติยศความเชื่อมั่นของทนายความอย่างรุนแรงมากเป็นที่เสียหายแก่ทนายความทั่วประเทศ
เป็นหน้าที่ของสภาทนายความที่จะต้องพิจารณาตรวจสอบเรื่องมารยาททนายความ ซึ่งรวมไปถึง จริยธรรมคุณธรรม
และฐานะอันเป็นดุลยพาหะ เพื่อเกียรติยศศักดิ์ศรีของทนายความทั่วประเทศสืบไป
อันทนายความนั้น เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่วิชาชีพทนายความ ในการว่าต่าง แก้ต่างอรรถคดี และมีกฎหมายว่าด้วยมารยาททนายความควบคุมดูแล เพื่อให้อยู่ในศีลธรรมอันดี
และรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของผู้มีวิชาชีพทนายความ ให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชน
ดังนั้น สภาทนายความจึงต้องตื่นตัวขึ้นมาทำหน้าที่นี้ ได้แล้ว เพราะสภาพที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กระทบและเสื่อมเสียต่อทนายความมาก
ในฐานะที่เป็นทนายความอาชีพคนหนึ่ง ผมรู้สึกอับอายขายหน้ามาก จึงต้องบอกกล่าวมาให้ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป.”
ครับ..แม้จะเพิ่งรู้สึกอับอายขายขี้หน้า ทั้งๆที่ประชาชนเขาบ่น-เอือมระอากับพฤติกรรมของบรรดา “ทนายหิวแสง” ที่ตอนนี้ไม่ได้หิวแค่แสง..
แต่ได้เพิ่ม “หิวเงิน” กระหายผลประโยชน์จนถึงขั้นต้องไปฉ้อ-ไปโกง-ไปตบทรัพย์ผู้อื่นเขาหน้าด้านๆ มาตั้งนานแล้ว
กระนั้น..ก็ต้องขอบคุณคุณไพศาล ที่ได้ออกมาจี้ให้สภาทนายความได้ตื่นจากภวังค์ ส่วนจะตื่นหรือจะหลับใหลหรือจะแค่ฮึ่มๆจะเช็คบิลก็คอยตามดูตามฟังกันไป
เหมือนกับที่ตอนนี้ใครต่อใครต่างใจจดจ่อตามดู ทนายตั้มกับคุณสนธิ ใครกันจะเป็นฝ่ายได้ดื่มฉี่ 71 แก้ว (พูนๆ) แต่มีใครบางคนกระซิบว่า..