่อ่าน “จะได้เป็นรัฐบาล” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ดีใจสุดๆ….
เมื่อทราบว่า “เข็มทิศ” ชี้บอกอนาคตประเทศ “พุ่งพรวด”!
จากสถิติงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” ครั้งที่ ๒๙ ที่ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” ซึ่งจบไปเมื่อวาน
“คุณสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย แถลง จากงานวิจัยล่าสุด
พบว่า “ปัจจุบัน คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ย ๑๑๓ นาที/วัน”!

๑๑๓ นาที เท่ากับ ๑ ชั่วโมง กับอีก ๕๓ นาที
นับว่า “สูงมาก”…….

เมื่อเทียบสถิติเดิม ที่คนไทย “อ่านหนังสือเฉลี่ย ๘ บรรทัด/วัน”

เพราะ ๘ บรรทัดนี่ อย่างเก่งใช้เวลาไม่ถึงนาที แต่วันนี้ คนไทยอ่านหนังสือกันร่วม ๒ ชั่วโมง/วัน มากกว่าดูหนังจบ ๑ เรื่องซะอีก

บอกได้คำเดียว จากตัวเลขนี้….
คนรุ่นใหม่ รุ่นปัจจุบัน คือ “จุดรวมแสง” ให้อนาคตสังคมประเทศไทยเรา ส่งประกาย “จ้าเจิดจรัส” ท้องฟ้า

ส่งพลังโคจรนำประเทศก้าวข้ามเส้นแบ่ง”ประเทศกำลังพัฒนา” ไปสู่ “ประเทศพัฒนาแล้ว”

ด้วยวิสัยทัศน์ โลกทัศน์ ประชาชาติกอปรด้วยสติปัญญา “รู้คิด-รู้ทำ-รู้ทัน” บนความเป็นไป-เปลี่ยนแปลงสู่สังคมโลกศตวรรษใหม่ คือ ศตวรรษที่ ๒๑
เรียกว่า “ไทยไม่ตกโลก” แน่!

ประเทศไทย จะเป็นสังคมชาติอารยวิไล ควบคู่ไปกับสังคมโลกด้วยสติปัญญา “รู้รอด” และ “รู้นำ” ทางเกษตรกรรมเลี้ยงโลกบนวิถีพอเพียง

“อย่าเชื่อ” ที่ผมบอก ขอเพียงแต่ละท่าน “ดำรงวิถีไทย” ของเรานี้ไว้ให้มั่น แล้วอยู่ไปจนถึงวันนั้น
“เชื่อได้-เชื่อไม่ได้” ความจริงประจักษ์วันนั้น จะให้คำตอบท่านเอง!

ไทยจะเป็น ๑ ในอาเซียน นี่พูดแบบเจียมเนื้อ-เจียมตัว ที่พูดเช่นนี้ เพราะพื้นฐานเนื้อแท้คนไทย เป็นคน “ถ่อมตัว” ไม่ใช่คนยโส

และไทยเราจะเป็น “ศูนย์กลาง-ศูนย์รวม” มนุษยชาติ ที่จะหลั่งไหลเข้ามา ทั้งอยู่อาศัย ประกอบธุรกิจการค้า ทั้งท่องเที่ยว

ในความหมายว่า……..
ไทย “ดินแดนแห่งแสงทอง” “สันติภาพ-สันติสุข” ผองมนุษย์ คือ เพื่อนร่วมโลกเดียวกัน!

ตีซะว่า “๑๐๐ ปี” คือ “ชีวิตมนุษย์”
ร้อยปี ต่อให้เดินทางทุกวัน ก็ไม่มีใครคนไหนไปครบ-ไปจบ ได้รู้ ได้เห็น ทุกความเป็นไปในโลกใบนี้

แต่…เราใช้เวลาวันละชั่วโมง-ครึ่งชั่วโมง “อ่านหนังสือ”
เชื่อมั้ย เราสามารถรู้โลก สามารถส้องเสพความคิดแต่ละสังคมมนุษย์ สามารถเรียนรู้สรรพวิทยาการ เพื่อ “รู้อยู่-รู้ทัน” ได้ แม้ไม่ทั้งหมด แต่ก็กว่า ๗๐-๘๐%!

“อ่าน” คือสารกระตุ้น “ต่อมโลก”

ฉะนั้น เมื่อเห็นสถิติจากงานมหกรรมหนังสือครั้งนี้ ผมเกิดปีติซาบซ่าน จนไม่สามารถซ่อนแอบความดีใจ-ภูมิใจกับคนไทยทุกรุ่น-ทุกวัยไว้ได้

ด้วยโล่งใจ-สบายใจหายห่วง ลองคนไทยอ่านหนังสือทะลุ-ทะลวงกันเฉลี่ยแล้ว วันละร่วม ๒ ชั่วโมง

ผลึกที่ได้จากการอ่าน…..
จะมีผลให้ “เลิกคิด-เลิกพูด” กันไปเลยที่ว่าคนไทยจะขายชาติ, ล่มชาติ, ล้มสถาบัน อะไรเหล่านั้น!

แรกๆ คิด-แรกๆ ทำ ที่จะล้มนั่นนี่ “มีแน่” ซึ่งเป็นธรรมดาของคนอ่านหนังสือมากๆ
เพราะการอ่าน จะนำไปสู่คิด คิดจะนำสู่จินตนาการ จินตนาการ คือไฟ ที่ไร้การควบคุม

“ไฟ” นั้น เรียก “อุดมการณ์” นำสู่ความผาดแผลงทางทำต่างๆ นานา ทั้งผิด-ทั้งถูก
สิ่งนั้น จะนำสู่ “ประสบการณ์” เมื่อมันตกผลึก!

ไฟจาก ประกายอ่าน ประกายคิด ประกายฟัง และส้องเสพเสวนากัน นั้นแหละ

เมื่อตกเป็น “ผลึก” มันจะเป็นคำตอบในทางที่ใช่-ไม่ใช่ ให้ตัวเอง “หลุดพ้น” จากบ่วงดักล่อใดๆ ที่ใครจะมาใช้กับเราได้อีก

ดังนั้น ซ้าย-ขวา, หน้า, หลัง, เหลือง, แดง, ส้ม, น้ำเงิน
ช่างมันเหอะ……

ประเทศชาติจะเจริญและก้าวหน้า ประชาชาติต้องเริ่มจากรู้จักคิดแหก คิดแหกนั้นคือรากมาจากต้น คือ หนังสือที่อ่าน

“อ่านและคิด” คือ “สารตั้งต้น” นำไปสู่ “ผลึกชาติ” ผ่านปฎิบัติการ “ลองผิด-ลองถูก” ในถนน ในรัฐสภา ในห้องเรียน ในป่า กระทั่งในแต่ละครอบครัว

ความเจ็บปวด คือแรกสัมผัส ของความเป็นคนและสัตว์ บนการดิ้นรน เมื่อไม่รู้-จึงลอง

การต่อสู้ คือสัญชาตญาน
เมื่อสู้แล้ว จะรู้เอง ว่าระหว่าง “ชัยชนะ” ที่ไม่จีรัง กับ “อยู่รอด” ยั่งยืน จิตวิญญาน ด้วยสติปัญญารู้ จะบอกเอง

ดังนั้น ในวัย-เวลาหนึ่ง ไปรั้งสายบังเหียน ก็ไร้ประโยชน์ ปล่อยให้มันโลดตะบึงไป ให้แต่ละคนนำทฤษฎีตามตำรา ไปทดลองในภาคปฎิบัติ ให้รู้แจ้ง-เห็นจริง ด้วยตัวเขาเอง

ทุกอย่างมี “ต้นทุน” ต้องจ่าย
ตะบึงไม่รู้จักยั้ง ก็ตกเหวไป รู้ขอบเขตทุ่งกว้างกับปากเหวอยู่ตรงไหน ยั้งได้ ก็รอดไป

ในโลกนี้……..
ไม่มีศาสดาองค์ไหนเป่าเสกให้ศิษย์คนใดเป็นผู้วิเศษได้

“อ่าน-ฟัง-คิด” คือเรียนรู้ สู่การ “ลงมือทำ” ด้วยตัวเองเท่านั้น ที่จะปลุกเสกให้ตัวเองเป็น “ผู้วิเศษ” ได้

ผลึกจาก “ทำ” ที่ว่านั้น มันคือ “ประสบการณ์” นั่นเอง!

นายฯ สมาคมแถลงว่า….
งานมหกรรมหนังสือ ๑๐-๒๐ ตุลา. มีนักอ่านและผู้สนใจด้านหนังสือทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานมากกว่า ๑.๔ ล้านคน

สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า ๔๓๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๕% เติบโตสูงกว่าจีดีพีประเทศ

ทั้งยังสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ โดยวันที่ ๑๙ ตุลา.เพียงวันเดียว มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า ๒๓๖,๖๘๖ คน จากสถิติเดิมสูงสุดแค่ ๑๖๑,๑๓๕ คน

เงินสะพัด “พีกสูงสุด” กว่า ๑๐๐ ล้านบาท มากที่สุด ตั้งแต่จัดงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติมา หลังจาก “โควิดระบาด”
ภายใต้ธีมงาน “อ่านกันยันโลกหน้า” ครั้งนี้

แยกกลุ่มหนอนหนังสือ เป็นหญิง ๖๓.๗๘% ชาย ๒๖.๙๑% LGBTQ+ ๖.๙๐% และอื่นๆ ๒.๔๑%
ช่วงอายุ แบ่งเป็น ๑๒-๓๕ ปี ๖๙ % เพิ่มจากเดิม ๒๐% ส่วนช่วงอายุ ๒๓-๒๘ ปี สูงถึง ๒๓%

เห็นตัวเลขหนอนหนังสือแล้ว “หมดห่วง” ประเทศ “ไปโลด-ไปรุ่ง” แล้วเพื่อนเอ๋ย!

ในเมื่อ รุ่นใหม่-รุ่นวัยทำงาน ร่วม ๗๐% รักอ่านหนังสือ แล้วยังต้องห่วงอะไรอีกว่าใครจะขายชาติ ใครจะล้มสถาบัน?

ลองอ่านหนังสือกันมากขนาดนี้ จะอ่านประเภทไหนก็ช่าง สุดท้ายแล้ว ในความเป็น “ลูกอีช่างอ่าน”

การอ่านจะค่อยๆ สร้างเซลล์สมองแข็งกล้าพัฒนาสู่การค้นคว้าสนองตอบปัญหาต่างๆ ที่คาใจตัวเอง

จำไว้อย่าง จากอาณาจักรสุโขทัย ถึงราชอาณาจักรไทย ก็ร่วม ๑,๐๐๐ ปี หลากชาติ-หลายภาษา มีส่วนร่วมทั้ง “สร้างชาติ” และ “ล่มชาติ”

นอกจากล่มไม่สำเร็จแล้ว “เลือดต่างชาติ” เหล่านั้น แทนที่จะกลืนไทย แต่ปรากฎว่า

ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน เปอร์เซีย ชาติไหนต่อชาติไหน ถูกกลืนกลายเป็น “คนไทย” หมด ถึงขั้นเป็น “ขุนน้ำ-ขุนนาง”

ตระกูลมหาเศรษฐี ผู้ลากมากดีของไทยทุกวันนี้ สาวขึ้นไปเถอะ ไม่จีน ก็ฝรั่ง ไม่ฝรั่ง ก็เปอรเซีย ทุกวันนี้ ใครก็ยังตอบไม่ได้ ว่า “ไทยแท้ๆ” อยู่ตรงไหน?!

รู้แต่ว่า ประเทศ ในความเป็นชาติ พระศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ “ประเทศไทย”

ใครเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทย ที่หวังจะ “ดูดไทย” อย่าหวัง
เห็นมีแต่ เข้ามาแล้ว “ถูกไทยดูด” กลายเป็นคนไทยหมด

พลังดูด “เลือดไทย” ล้ำลึกยิ่งกว่า พลังดูด “หลุมดำ” ซะอีก!

“ผู้หญิง” อ่านหนังสือมากกว่า “ผู้ชาย” ตรงนี้ ผมไม่แปลกใจ เพราะคนไทย ผู้ชาย “ฉลาดน้อยกว่าหญิง” เห็นชัดอยู่แล้ว ทั้งปริมาณประชากร และทั้งคุณภาพคน

โดยวัดจากตำแหน่งงาน “ระดับบริหาร” ในทุกองค์กร ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ!

เข้าห้าง ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เครื่องบิน เห็นหัวยุ่บเหมือนหนอน ร้อยกว่า ๖๐% ขึ้นไป หัวผู้หญิงทั้งนั้น

แต่ละกระทรวง ร้อยละกว่า ๖๐% ข้าราชการเป็นหญิง รัฐบาลวันนี้ก็เถอะ ๓๕ รัฐมนตรี แต่เป็นหญิงร่วม ๑๐ คน
และในจำนวนร่วม ๑๐ นั้น หญิงยังเป็น “นายกรัฐมนตรี”
ส่วนจะโง่หรือฉลาด ไม่ใช่คำตอบ

เพราะตัวนายกฯไม่ได้เลือกตัวเขาเอง นักการเมืองชาย ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาตะหาก ที่เลือกให้เป็น
แล้ว “ใครโง่-ใครฉลาด” กว่ากันล่ะ?

ไม่ต้องกินปลามากๆ เพื่อฉลาดหรอก ผู้ชายหมั่น “อ่านหนังสือ” ให้มากๆ เหมือนหญิง รากสมองคิดก็จะเติบโตและฉลาดในการเลือกผู้นำเอง

ถ้าเลือกอ่าน เลือกดู เลือกฟัง ไม่ถูก ผมก็จะแนะให้

อ่านหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์…….
ดูทีวีออนไลน์ไทยโพสต์ ฟังที่ผมเขียนคอลัมน์ “คนปลายซอย” ที่ใคร-ต่อใครเอาไปอ่านลงยูทูบ บ่อยๆ

เมื่ออ่านถูกที่ อีก “ไม่ถึงครึ่งปี” ก็ได้เป็นนายกฯ
แต่ถ้า “อ่านผิดที่” อีก ๑๐ ปี ก็ดักดานค้านอยู่อย่างนั้นแหละ!

เปลว สีเงิน
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“พม่าป่วยเท่ากับไทยป่วย”
เปลว สีเงิน ถ้า “ความกตัญญู” เป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้แห่งความดีงาม ๑๓ ตุลา.ของทุกปี จะเป็นวันที่ “ดอกไม้แห่งความดีงาม” สะพรึ่บบานถวายพ่อพร้อมกัน เหลืองสะพรั่งไปทั้งแผ่นดิน ดังเช่นปีที่แล้ว...
Read More
0 replies on “่อ่าน “จะได้เป็นรัฐบาล” #เปลวสีเงิน”