วันนี้ ๑๔ ตุลา.
ถ้าเราศึกษาประวัตศาสตร์การเมือง จะพบว่า “ปฐมบท” แห่ง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
จุดเริ่มต้น ………
ปะทุตอน “กึ่งพุทธกาล” ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๐ โน่น!
มันคือยังไงกัน อยากรู้ ก็อ่านตอนที่ ๒ ของเรื่อง “คิดถึงอาจารย์ป๋วย” ที่ “คุณภิญโญ อุดมบุญญานุภาพ” เล่าค้างไว้เมื่อวันเสาร์ได้เลย
…………………………….
“คิดถึง อ.ป๋วย /ตอนที่ ๒”
“ภิญโญ อุดมบุญญานุภาพ” คุยเรื่องเก่าเล่าความหลัง …..
**จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปฏิวัติ… “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”****
ย้อนขณะเวลาที่การเมืองไทยกำลังคุกรุ่นก่อน “จอมพลสฤษดิ์” จะทำการปฏิวัติ ขณะที่ท่านไปพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.
วอร์เตอร์รีด/อเมริกา
“หลวงวิจิตรวาทการ” ซึ่งพ้นตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสวิสฯ แวะไปเยี่ยมจอมพลสฤษดิ์ และได้คุยปรึกษาถึงสถานการณ์การเมืองในไทย
“หลวงวิจิตรวาทการ” ซึ่งได้กลายมาเป็นกูรูคู่ใจคนหนึ่งของจอมพลสฤษดิ์ ให้ความเห็นว่า
“เมืองไทยยังไม่พร้อมที่จะเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ เพราะคนไทยยังขาดระเบียบวินัยและไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”
“เมืองไทยต้องปกครองด้วยคนคนเดียว” คนดีกึ่งเผด็จการ-กึ่งประชาธิปไตย “บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด”
เมื่อการเมืองไทยเริ่มมีปัญหา ผู้มีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์ จอมพล ป. “คุมเสือ 2 ตัว”
“สฤษดิ์/เผ่า” ต่างคุมเชิง ขบเหลี่ยม ไม่ลงตัว ชิงเหลี่ยมคูกัน นักการเมือง “เปิดไฮปาร์ค”
“2 มี.ค.2500” ประชาชนเดินขบวนไปไล่นายกฯ “จอมพล ป” ประกาศภาวะฉุกเฉิน ตั้งให้สฤษดิ์เป็น “ผู้บัญชาการปราบ”
หวุดหวิดจะนองเลือด…
“จอมพลสฤษดิ์” สั่งให้เปิดทางให้ประชาชนและประกาศก้อง “ปล่อยให้เขาเดินให้เต็มที่ เพราะประเทศนี้เป็นของเขา”.
เท่านั้นแหละ….
“จอมพลสฤษดิ์” กลายเป็นขวัญใจประชาชนในชั่วข้ามคืน
“12 มี.ค.2500” จอมพลป.ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน “ปลดจอมพลสฤษดิ์” จาก ผบ.รักษาความสงบ จอมพลสฤษดิ์ออกวิทยุบอกลาประชาชน
“พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ”!
“16 กันยายน 2500”
“จอมพลสฤษดิ์ฯ” ทำการปฏิวัติ สั่งให้ จอมพล ป./พล.ต.อ.เผ่ามารายงานตัว
“จอมพล ป.” หนีไปเขมร “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ มารายงานตัว
เผ่า : กูมาแล้วโว้ย…กูรู้ว่าสู้มึงไม่ได้ มึงจะเอายังไงก็ว่ามา
สฤษดิ์ :กูไม่คิดจะฆ่าเพื่อน มีแต่มึงคิดจะฆ่ากูลูกเดียวประชาชนเขาไม่เอามึงแล้ว มึงไปเสียเถอะ หรือมึงจะบวชเพื่อให้ประชาชนสงสาร เลือกเอา
เผ่า: กูไม่บวช ขอไปสงบสติอารมณ์ที่ต่างประเทศดีกว่า
สฤษดิ์: ตามใจมึง
“19 กันยายน 2500” บุรุษเหล็กแห่งเอเชียผู้เคยประกาศก้อง “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้”
ก็บินออกนอกประเทศไทยแบบ “ไปลับ” ได้กลับมาเพียง “เถ้ากระดูก”
…………………………
การวางหมากกล/กลยุทธในการบริหารประเทศของ จอมพลสฤษดิ์ เหมือนถอดรูปแบบมาจากตำรา ‘สามก๊ก’ หรือจะเป๊นแนวคิดหรือกุศโลบายของ “หลวงวิจิตรฯ” กุนซือของท่านจอมพลสฤษดิ์
โดยรูปแบบ จะมีผู้นำอยู่บนยอดปิระมิด ถัดลงมาจะมีฝ่ายบู๊-ขุนทหาร และฝ่ายบุ๋น วางกลยุทธและพัฒนา เช่น “เล่าปี่” ผู้นำแห่งจ๊กก๊ก จะมีฝ่ายบู๊-ขุนทหาร กวนอู เตียวหุย จูล่ง และจะมีฝ่ายบุ๋น-ขงเบ้ง, บังทอง, ชีซี
ของ “จอมพลสฤษดิ์” จะมีฝ่ายบู๊คือ จอมพลถนอม กิตติขจร, จอมพลประภาส จารุเสถียร, พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ และ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์
ฝ่ายบุ๋นจะมี “พระยาอรรถการีย์นิพนธ์” และคณะ หลวงวิจิตรวาทการ, ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ฯลฯ
แต่จอมพลสฤษดิ์จะเลือกเป็นผู้นำแบบโจโฉ เด็ดขาด-เชิดชูคุณธรรม-ค้ำจุนราชบัลลังก์/ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
และมีคำขวัญตามมามากมาย น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ บำรุงความสะอาด, เด็กฉลาด ชาติเจริญ..ฯลฯ
เมื่อปฏิวัติเสร็จ จอมพลสฤษดิ์ได้โทรเลขเรียก “ดร.ป๋วย” จากลอนดอนให้มารับตำแหน่ง “รัฐมนตรีคลัง” แทน “คุณโชติ คุณะเกษม”
อ.ป๋วย “ปฏิเสธ” ด้วยความลำบากใจว่า
“ผมไม่ขอรับตำแหน่งนี้ เพราะสาบานไว้เมื่อตอนเข้าเป็นเสรีไทยว่า จะไม่รับตำแหน่งการเมืองใดๆ จนกว่าจะเกษียณจากราชการ”
“จอมพลสฤษดิ์” โทรตามไปเร่งเร้า
“ประเทศชาติกำลังอยู่ในภาวะคับขันทางศรษฐกิจ เห็นมีแต่คุณที่จะช่วยผมได้”
อ.ป๋วยโทรเลขตอบ “ผมยินดีรับใช้ประเทศชาติทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ฐานะรัฐมนตรี ท่านนายกฯ คงไม่ต้องการรัฐมนตรีที่ทวนคำสาบานเป็นแน่”
“จอมพลสฤษดิ์” จึงเงียบไปและตั้งคนอื่นมาแทน แต่พอ อ.ป๋วยหมดหน้าที่ ที่อังกฤษ กลับมาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” และเป็นอยู่ถึง 12 ปี!
อาจารย์ป๋วยเล่าว่า “จอมพลสฤษดิ์ตั้งใจทำนุบ้านเมืองจริงๆ เมื่อทำรัฐประหารสำเร็จ ได้เรียกมาร่วมงานและมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือมาทำงานเป็นอันมาก”
จึงเป็นช่วงที่ อ.ป๋วย ทำงานอย่างมีความสุขและสนุกมือ ได้ร่วมกับนักวิชาการ ทั้งรุ่นพี่-รุ่นน้อง
เป็นต้นว่า คุณสุนทร หงส์ลดารมณ์/ พิสุทธิ์ นิมมานเหมินทร์/ บุญมา วงษ์สวรรค์/ คุณสมหมาย ฮุนตระกูล/ คุณหญิงสุภาพ ยศสุนทรฯลฯ
ทำงานที่เป็นประโยชน์แก่ชาติและส่วนรวมจริงๆ ได้ เห็นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ตั้งสภาพัฒน์ฯ ทำสำมะโนประชากร ปรับปรุงแก้ไขด้านการเงินการคลัง
การออกธนบัตร ต้องมีทุนสำรองที่เป็นทองคำและเงินตราต่างประเทศ ที่เรียก Basket of Currencies หนุนหลัง
และควบคุมปริมาณเงินให้สอดคล้องกับขนาดของ GDP จึงทำให้เงินบาทไทยเป๊นสกุลเงินที่ค่าแข็ง ติดอันดับโลก
ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้เจรจาให้ USOM ของสหรัฐ มาสร้างถนนมิตรภาพ และให้เป็นถนนมาตรฐาน “ต้น
แบบ” ที่จะสร้างทั่วประเทศ
สร้างเขื่อนยันฮี (เขื่อนภูมิพล) เริ่มโครงการณ์ “สนามบินหนองงูเห่า” (ซึ่งเป็นต้นตอมหากาพย์การโกงกินต่อมาของใครบางคนในปัจจุบันในนามสนามบินสุวรรณภูมิ)
มีการออกพระราชบัญญัติตั้งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ถึงขนาด “จอมพลสฤษดิ์” ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจดูสภาพด้วยตนเอง
เล่าว่า มีพวกโลกสวย เสนอให้ตั้งเป็น “เมืองกาสิโน” แบบเกนติ้งไฮแลนด์ แข่งกับมาเลเซีย
จอมพลสฤษดิ์โพล่งสวน “กูไม่ชอบการพนัน!
………………….
จบตอน ๒ พรุ่งนี้ อ่านตอนจบ
จบเฉพาะที่ “คุณภิญโญ” รำลึกผ่าน “อาจารย์ป๋วย” แผ่นทองหลังองค์พระปฎิมา
แม้ล้นไปข้างหน้า จะมีวิญญูชนหรือทรชนสักกี่คนจะเห็น!?
๑๔ ตุลา-๖ ตุลา.จบไปนานแล้ว กว่า ๕๐ ปี
แต่การหยิบฉวยไปสุมเชื้อ จากบางพวก ไม่เคยจบ!
อดีตไม่เคยฆ่าใคร
มีแต่จัญไรเท่านั้น เอาอดีตไปฆ่าสังคม