เดือนตุลาคมนี้ Tapori Bangkok ภูมิใจนำเสนอความร่วมมือสุดพิเศษในการรังสรรค์เมนูอาหาร ระหว่างเชฟ “ส้ม” จุฑามาศ เทียนแท้ ผู้ก่อตั้ง และเชฟประจำร้าน SOM’S TABLE ที่หัวหิน และโรหิต ชาร์มา เชฟและเจ้าของร้าน Tapori Bangkok ในค่ำคืนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 3 ค่ำคืน ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2567
ทั้งสองจะรวมประสบการณ์และความรักในรสชาติที่แท้จริงสร้างสรรค์เมนูสำหรับ ‘Oh Calcutta! Chef SOM X Tapori’ คนละ 5 รายการ เพื่อนำเสนอความงดงามของมรดกทางอาหารของกัลกัตตา (หรือโกลกาตาในปัจจุบัน) ส่งตรงถึงจานของคุณ
แม้ว่าเชฟส้มจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในแง่ของความเชื่อมโยงโดยตรงกับโกลกาตา แต่เธอได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากช่วงวัยที่ได้ศึกษาใน Kala Bhavana (สถาบันวิจิตรศิลป์) ที่ ศานตินิเกตัน มหาวิทยาลัยเปิด ที่ก่อตั้งโดยกวีและนักปรัชญาชื่อดังผู้ได้รับรางวัลโนเบล รพินทรนาถ ฐากูร
ที่นั่น เชฟส้มได้อยู่ในสภาพแวดล้อม ที่ผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของอินเดีย เข้ากับอุดมคติทางการศึกษาที่ทันสมัย และก้าวหน้า ประสบการณ์นี้ โดยเฉพาะ 6 ปีที่เธอได้ศึกษาศิลปะภาพพิมพ์หิน (Lithography) มีอิทธิพลต่อแนวทางการทำอาหารของเธออย่างลึกซึ้ง ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานทางศิลปะและการมีส่วนร่วมทางปรัชญาของเธอ กับองค์ประกอบของมรดกการทำอาหารอันรุ่มรวยของโกลกาตา
เชฟ “ส้ม” จุฑามาศ เทียนแท้ ความร่วมมือในครั้งนี้ เชฟส้มสร้างสรรค์เมนูที่เชิดชูความทรงจำ และประสบการณ์การทำอาหารอันล้ำค่า ในช่วงเวลาที่เธออยู่ในอินเดีย
เริ่มต้นการเดินทางของคุณด้วยเมนู My Favourite Mornings in Kolkata ที่ ประกอบด้วยออมเล็ตน้ำมันมัสตาร์ด, อลูโกบี, มาลัยโทสต์ และชานม สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของเช้าวันใหม่ ในเมืองแห่งความสุข
ต่อไปยัง Kopai River ที่มีบิสกิตเค็มสอดไส้แยมสับปะรดผสมเครื่องเทศนำเสนอรสชาติที่ผสมผสานระหว่างความหวานและเค็มอย่างลงตัว
ต่อด้วย Jimmie’s เมนูบะหมี่ผัดสไตล์ จีนฮากกา (จีนแคะ) เป็นการยกย่องการผสมผสานระหว่างประเพณีการทำอาหารจีนและอินเดีย ของชุมชนชาวฮากกา ซึ่งอพยพมายังไชน่าทาวน์ในกัลกัตตา ไชน่าทาวน์แห่งแรกในอินเดีย ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18
และเป็นแหล่งกำเนิดอาหารอินเดีย-จีน
ต่อมาเป็นเมนู Santiniketan Night Truck Stop นำเสนอปลาจะละเม็ดทอด หรือแกงกล้วยกล้าย พร้อมด้วยอลูโพสโต (มันฝรั่งกับเมล็ดป๊อปปี้), ชุกโต (ผักรวม), เลากอนโต (น้ำเต้าปรุงรสด้วยเครื่องเทศ) และชัทนีย์มะเขือเทศเบงกอล ซึ่งแต่ละจานถ่ายทอดเรื่องราวของงานเลี้ยงริมถนนตามประเพณีเบงกอลแบบดั้งเดิม
เมนูไฮไลต์ได้แก่ Beef Tongue (ลิ้นวัว) ที่ผ่านการตุ๋นนานถึง 10 ชั่วโมงในชาดอกหินและน้ำทับทิม เสิร์ฟพร้อมสาคูสอดไส้, ปลาหมึกทอดเกลือ, ชัทนีย์มะพร้าว และข้าวยี่หร่า สร้างสรรค์ความลงตัวของรสชาติที่ลึกซึ้งและซับซ้อน
เชฟส้มกล่าวถึงงานที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า “อาหารแต่ละจานเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราที่หยั่งรากลึกในศานตินิเกตัน ที่ซึ่งเราได้เรียนรู้การทำอาหารเป็นครั้งแรก งานนี้เทียบเท่ากับเป็นผลงานภาพเขียน และรสชาติอันหลากหลายของกัลกัตตา คือสีสันนานาที่เราใช้สร้างสรรค์ผลงาน เราเชื่อว่าอาหารไม่ควรเพียงแค่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ควรปลุกความคิดด้วยการรับประทานอาหารควรเป็นการสำรวจ การมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ที่ทุกคำสามารถกระตุ้นให้แขกของเราคิดและรู้สึกไปพร้อมกัน”
เชฟโรหิต ชาร์มา นำเสนอจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของ Tapori ซึ่งได้เปลี่ยนนิยามใหม่ของอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ ด้วยการพาไปสัมผัสเมนูอาหารที่หลายคนยังไม่เคยรู้จักมาก่อน รวบรวมมาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอินเดียอันกว้างใหญ่
และภายใต้การบริหารงานของเขา Tapori ได้กลายเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสรสชาติความหลากหลายของอาหารอินเดียที่มากกว่าความคุ้นเคยแบบเดิมๆ พรสวรรค์ในการรังสรรค์เมนูที่บอกเล่าถึงภาพรวมของภูมิภาคต่างๆ ในอินเดีย ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ในอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลักหลากหลายรายการ
เมนูของ Tapori สำหรับงานนี้ สะท้อนถึงมรดกทางอาหารของโกลกาตาอย่างชัดเจน เริ่มต้นด้วย Channa Dal’er Dhokha ถั่วเลนทิลอัดแท่งปรุงรส เสิร์ฟพร้อมชัทนีย์มะขามรสเปรี้ยวและซอสคาซุนดีมะม่วงรสเผ็ด ที่สะท้อนถึงเสน่ห์ของอาหารริมทาง
ต่อด้วย Tele Bhaja Platter ที่รวมของทอดกรอบ เช่น ดอกฟักทอง, กล้วยดิบ และดอกกล้วย เสิร์ฟคู่กับมัสตาร์ดเบงกอลและพริกผสมเมล็ดป๊อปปี้รสเข้มข้น
ลิ้มลอง Lal Murghir Jhol with Baby Mughlai Paratha ซึ่งเป็นแกงไก่รสเผ็ดเสิร์ฟพร้อมแป้ง Mughlai นุ่มๆ และ Prawns Malai Curry with Basanti Pulao เพื่อสัมผัสรสชาติอาหารชายฝั่งของกัลกัตตา ปิดท้ายด้วย Khasir Chorbir Ghugni ที่ปรุงจากถั่วเลนทิลขาวเคี่ยวในไขมันแกะและเครื่องเทศ
โรหิตกล่าวว่า “Oh Calcutta! เป็นสะพานเชื่อมระหว่างถนนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของโกลกาตากับใจกลางกรุงเทพฯ การร่วมงานกับเชฟส้มที่ร้าน Tapori นับเป็นประสบการณ์การเดินทางแห่งรสชาติอาหารและประเพณีอันน่าจดจำ เราได้ร่วมกันสร้างสรรค์เมนูที่ไม่เพียงแต่เชิดชูมรดกทางอาหารอันยาวนานของโกลกาตา แต่ยังผลักดันขอบเขตของสิ่งที่อาหารอินเดียสามารถเป็นได้อีกด้วย”
งานนี้ห้ามพลาด สำหรับผู้ที่หลงใหลในอาหารและผู้ที่ต้องการดื่มด่ำไปกับรสชาติของโกลกาตา พร้อมกับสำรวจมุมที่ยังไม่เคยถูกค้นพบของอาหารอินเดีย ที่นั่งมีจำนวนจำกัด เพื่อให้แขกทุกคนได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างใกล้ชิด และสามารถมีส่วนร่วมกับเรื่องราวของอาหารแต่ละจานที่เชฟรังสรรค์ ขึ้นได้อย่างแท้จริง
บริการเฉพาะมื้อเย็น วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 17.30-22.30 น.
ที่อยู่: 22/2 ซอยสุขุมวิท 47 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร+66-645-693-798
อีเมล: [email protected] อินสตาแกรม: @taporibkk เฟซบุ๊ก: taporibkk