เปลว สีเงิน
อายุ ๓๘ แต่ “แก่หัวหงอก”
ที่ไม่เคยเห็น จะได้เห็นจาก “นายกฯ แพทองธาร” กันคราวนี้แหละ!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคดีความ
เอาเฉพาะ “ปัญหาเฉพาะหน้า” ที่ “รัฐบาลก่อเอง” และที่ “ธรรมชาติ” ก่อให้ ประดัง-ประเด เข้ามา ขณะนี้
ถ้าผมเป็นนายกฯ อุ๊งอิ๊ง นอนคลุมโปงร้องหงิงๆ ไปแล้ว!
ก็ดูซี….
ดิจิทอล วอลเล็ต “เงินสัญญาว่าจะให้” คนละ ๑๐,๐๐๐ ทีท่า จะเป็นบูมเมอแรง ย้อนมาฟันคอตัวเอง
ฝนฟ้าก็พลันถล่ม สมอาถรรพณ์ “รัฐบาลตระกูลชิน” น้ำต้องมา-ฟ้าต้องถล่ม ดินเลน “ท่วมทับ” แม่สาย
คนมาช่วยฉับพลัน แทนที่ “หัวหอก” จะเป็นรัฐบาล กลับเป็นได้แค่ “หอกหัก”
“ทหาร-ประชา-จิตอาสา” พรั่งพรูออกมาทำหน้าที่ “รัฐบาลประชาชน” นำข้าวปลาอาหาร ออกตระเวนช่วย-ตระเวนค้นหา ชาวแม่สาย ที่พลัดพรายไปกับน้ำและที่ติดเกาะ-ลอยคออยู่ตามหลังคาบ้าน
“นาทีเป็น-นาทีตาย” ผู้ประสบภัย แม่สาย-เชียงราย รอดและชีวิตยังมีหวัง ก็จากน้ำใจ “คนไทยที่ไม่ทิ้งกัน”
“ชาวจิตอาสา” และ “ทหาร” นี่แหละ
เป็น “หัตถ์พระเจ้าไม่ต้องรอแถลงนโยบายต่อพรหมินทร์อินทร์องค์ไหน “เฮละโอออกไปยื่นให้” คนแม่สาย “จับ ก่อนน้ำและทะเลโคลนฉุดกระชากลากไปสังเวย
“ทหารมีไว้ทำไม?” ประชาชนมีคำตอบในหัวใจแล้ว
“รัฐบาลนักการเมืองเลือกตั้ง มีไว้ทำไม?”
นี่เป็น “คำถามใหม่” ในหัวใจประชาชนวันนี้!?
ท่ามกลางปัญหา “ภัยธรรมชาติ” ซึ่งมีทีท่าว่า “มาแล้ว-มาซ้ำ” แต่รัฐบาลแพทองธาร ยังจัดลำดับความสำคัญในการบริหาร “ปัญหาเฉพาะหน้า” ไม่ถูก
นอกจากเซลฟี่แล้วตีหน้าเหรอตอนเจอคำถามนักข่าว สิ่งที่ “นายกฯ โอปปาติกะ” ทำได้ คือ “ทำตาปริบๆ”
แค่ ๒ เรื่องเฉพาะหน้า นายกฯ ยังคง “มีกิน-มีใช้” ก็จริง แต่ “ด้านเกียรติ-ด้านศักดิ์ศรี” ชักจะ “ไม่มี” ซะแล้วหละ!
ขณะที่ยัง “มะงุมมะงาหรา” ปัญหาเฉพาะหน้า
ผู้ครอบครองนายกฯ ก็สั่งให้พวกหลี่กงกงและบรรดาสมุนเขี้ยวลากดินในพรรค “จุดไฟเผาเมือง” ขึ้นอีก ๒ กอง
คำว่า “จริยธรรม” ในรัฐธรรมนูญ มันขัดต่อนโยบาย “โกงเอามาแบ่งกัน” คงประมาณนั้น
ก็สั่งลุยยื่นประธานรัฐสภาขอ “แก้รัฐธรรมนูญ” ทุกมาตราในบรรดาที่เกี่ยวเนื่องจริยธรรม
ไม่ยี่หระสังคมที่ล้วนชื่นชม “รัฐธรรมนูญปราบโกง” ถือดีว่า “รัฐบาลเพื่อไทย-ส้มฝ่ายค้าน” ผลประโยชน์ลงตัวร่วมกัน
ญัตติเข้าสภา ด้วย “มือมาก” ก็ช่วยกันลากไป ยกพรึ่บก็แก้ได้ ง่ายกว่า “แก้ผ้า” ซะอีก!
นี่เป็น “ไฟกองแรก” ที่รัฐบาลจุดขึ้น
ท่ามกลางปัญหาชาวบ้านและอนาคตประเทศระยะกลาง-ระยะยาว ที่รอให้รัฐบาลแก้ แต่กลับไม่แก้
ดันไปแก้ “ปัญหาเพื่อกูโกงง่ายๆ” ก่อนซะงั้น!?
รัฐบาลที่อ่านรัฐธรรมนูญไม่ครบวรรคนี่ รำคาญ ให้นายกฯ ปล่อยไก่ไปทีแล้ว
เรื่องช่วยคนน้ำท่วมที่แม่สาย ให้สัมภาษณ์ว่า “ยังสั่งการอะไม่ได้ ต้องรอแถลงนโยายต่อรัฐสภาก่อน”
อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๒ ไม่ครบบรรทัดด้วยซ้ำ พวกลิ่วล้อก็ปล่อยลูกสาวนายแถลงเจื้อยแจ้ว ทั้งที่วรรคต่อมา รัฐธรรมนูญเขียนไว้โต้งๆ ว่า
“กรณีสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน” สั่งการไปได้ แต่ก็ไม่อ่านกัน!
ที่เพื่อไทยถือดีเป็น “พรรคแกนนำ” ก็ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประธานรัฐสภาไปก่อน โดยไม่ทันประชุมหารือพรรคร่วม
นี่ก็เหมือนกัน คงอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ ไม่ครบทุกวรรค จึงไม่แคร์ว่าจะไม่ผ่านสภา
เพราะคิดว่าลำพัง “เพื่อไทย” กับ “พรรคประชาชน” ฝ่ายค้าน ร่วมยกมือ ก็เหลือเฟือแล้ว
มาตรา ๒๕๖ มีตั้ง ๘ วรรค แค่ขั้นตอน “รับหลักการ” ตาม(๓)ผมก็เกรงว่า “ก้างสว.” จะตำคอตายซะก่อน
มาตรา ๒๕๖(๓๓)เขาบอกว่า….
“การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องมีสว.เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา”
“กึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา” คือ สส.๕๐๐+ สว.๒๐๐ รวม ๗๐๐ กึ่งหนึ่งเท่ากับ ๓๕๐ ไม่น่าเป็นปัญหา
แต่ตรงที่ในจำนวนนั้น ต้องมีเสียงสว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสว.นี่แหละ
คือต้องได้สว.๖๗ เสียงขึ้นไปด้วย ก็อย่านึกว่าสว.เป็น “หมูในคอก” เหมือนสส. “หมาในคอก” เชียวนะ!
ทำไมผมถึงว่า “สว.ไม่ใช่หมูในคอก”?
เห็นพาดหัวข่าวไทยโพสต์ ฉบับวันอาทิตย์หรือยัง เขาพาดว่า
“สว.ขวางแก้ รธน. “ลั่น!จริยธรรมอยู่ที่ตัวคน” ถ้าไม่ชั่วกลัวอะไร” นั่นน่ะ!
จะยกมาให้อ่านเป็นน้ำจิ้มก็ได้
“พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ” สว.สตูล บอกที่พรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ “รายมาตรา” จะเข้าที่ประชุมรัฐสภาเดือนตุลาฯ นั้น
ทุกคนต้องเคารพรัฐธรรมนูญก่อนเป็นลำดับแรก เวลาปฏิญาณตนเข้าปฏิบัติหน้าที่ก็บอก “จะพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” แล้วจู่ๆ จะมาแก้ไข ออกสื่อว่า จะแก้ไขเรื่อง “มาตรฐานจริยธรรม”
“ในเมื่อไม่มีจริยธรรม แล้วคุณมาเป็นนักการเมืองทำไม?”
“จริยธรรม มันอยู่ที่ตัวคน หากคุณคิดเสียสละเพื่อบ้านเมือง ต้องมีจริยธรรมก่อนเป็นลำดับแรกเลย
จริยธรรมคือ การปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ละอายและเกรงกลัวต่อการปฏิบัติตัวผิด ทุจริต-คิดมิชอบ
เท่านี้เอง คือ “จริยธรรม”
หากนักการเมืองไม่มีจริยธรรม ก็กลับไปอยู่บ้านเลย เพราะที่รัฐสภา ไม่ใช่จะมาทำอะไรตามอำเภอใจ”
แสบบบบ…เหมือนถูกน้ำหน่อไม้ดองราดขี้เรื้อน!
ประเด็น “เพื่อไทยให้เหตุผลเสนอแก้ไขมาตรา ๑๖๐(๔)(๕)ว่าเพราะไม่มีความชัดเจน ต้องเสนอแก้ไขให้ชัดเจน?” ว่า
“มันอยู่ในตัวคน เพียงมาเขียนให้เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้นเอง แล้วคุณจะไปกลัวอะไร เรื่องต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์….
ถ้าคุณไม่ใช่คนชั่ว คุณกลัวอะไร”!?
สว.เขาถามตรงๆ อย่างนี้ เพื่อไทยช่วยตอบสว.หน่อยซิว่า…ถ้าไม่ใช่คนชั่วแล้วจะต้องกลัวอะไรกับเรื่องจริยธรรม?
ถ้าตอบได้ถูกใจ สว.ที่ไม่ใช่ “สายพันธุ์คางส้ม” เขาอาจยกมือให้ถึง ๖๗ คนก็ได้นะ!
แต่สว. “พ.ต.อ.กอบ” ท่านไม่ยกมือให้แน่ นักข่าวถามท่านว่า “แก้เรื่องมาตรฐานจริยธรรม เห็นด้วยหรือไม่?”
ท่านตอบทันที….
“ไม่เอา…ไม่แก้ ผมถือว่า คนต้องมีจริยธรรมก่อน ผมชัดเจนอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้มาด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนกับใคร”
แล้วพรรคเพื่อไทยกับพรรคเพื่อทอนล่ะ แก้เพราะ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” หรือเปล่า…แฟนๆ อยากรู้!
“นายไพบูลย์ นิติตะวัน” พลังประชารัฐ-ฝ่ายค้าน เขาบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“ไม่เห็นด้วยกับการแก้ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตัวเอง ลดมาตรฐานจริยธรรมและการตรวจสอบเรื่องความสุจริตโปร่งใส และจำกัดบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ
เพราะขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม สังคมตำหนิ และต้องระวัง จะสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายขัดกันซึ่งผลประโยชน์ในการเสนอร่างกฎหมายในลักษณะนี้ ที่อาจจะมีปัญหาตามมาได้”
นี่คือ “ไฟ” กองแรก
แค่กองแรก ทำนายกฯ วัย ๓๘ ใกล้คนวัย ๘๓ อยู่แล้ว วันนี้ มาเจอไฟกองที่ ๒
ผมละเสียววูบกับสถานการณ์ “ไฟคลอก” รัฐบาลแพทองธาร-เพื่อไทย “ตายยกคอก” ยิ่งนัก!
เพราะหลังจาก “กมธ.ศึกษาแนวทางออกพรบ.นิรโทษกรรม” สกรัมกันแล้ว สรุปไม่ได้ ความเห็นแบ่งออกเป็น ๓ แนวทาง
กมธ.ก็เลยโยนทั้ง ๓ แนวทางให้รัฐบาลตัดสินใจเอง ว่า “อยากตายตามแนวทางไหน ให้ครม.ตัดสินเองตามใจชอบ!?”
ประเด็นก็อยู่ตรง “นิรโทษกรรม จะรวมคนทำผิดมาตรา ๑๑๒ ด้วยหรือไม่?”
ความเห็นกมธ.แตกเป็น ๓ แนวทาง
๑.ไม่รวม มาตรา ๑๑๒ เพราะไม่ใช่แรงจูงใจทางการเมือง
๒.รวมมาตรา ๑๒๒ อย่างมีเงื่อนไข
๓.นิรโทษกรรม รวมมาตรา ๑๑๒ ไปด้วย โดยไม่มีเงื่อนไข
นี่แหละ คืองานที่เพื่อไทยเคยประกาศว่า….
“ปัญหาปากท้อง “๙ ปี ชาวบ้านจะอดตายกันหมดแล้ว” ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะแก้ก่อน-ทำก่อนทันที”
แล้ววันนี้ ทั้งเหนือ-อีสาน-ใต้ ชาวบ้านกำลังจะตายด้วยภัยธรรมชาติกระหน่ำ
แต่งานเร่งด่วนรัฐบาลเพื่อไทย กลับเป็นเรื่อง เร่งแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกง ให้เป็นฉบับ “เอื้อให้โกงเอาไปแบ่งกัน”
และด่วนจี๋ เร่งออกกฎหมาย “นิรโทษกรรม” ฉบับเหมาเข่ง+สุดซอย
ช้าไม่ได้….นัยว่า “อาปู” รออยู่
“อยากกลับบ้านใจจะขาดอยู่แล้ว…พี่จ๋า”!