สันต์ สะตอแมน
รอวันที่พวกส้มพังพินาศ!
เปล่านะ..ผมไม่ได้รอ แม้จะเห็นความพ่ายแพ้ทั้งสนามเล็ก-สนามใหญ่ต่อเนื่องติดๆ กันมา แต่คนที่รอคือ “คุณวิมล ไทรนิ่มนวล” นักเขียนรางวัลซีไรต์ต่างหาก
หลายวันแล้วท่านได้โพสต์.. “วันนี้ตั้งใจจะเขียนเรื่องสั้นที่เคยลงใน ฟบ.ไปแล้ว 2 บทให้จบ (รักแห่งพลังลบ) จากนั้นก็จะเขียนนวนิยายที่ค้างไว้เช่นกัน
ให้ทยอยจบไปทีละเรื่องด้วย (มนุษย์สมบูรณ์ อิตถีแห่งปิตุภูมิ จอมอสรพิษ) เพราะมีงานที่เป็นความฝันครั้งสุดท้ายของชีวิตรออยู่ แต่ก็หลงสนุกกับเรื่องการเมืองและหมูเด้ง ทั้งเขียนทั้งแชร์
คืนนี้เขียนไม่ได้แล้ว ใจไม่จดจ่อกับเรื่องสั้น มันแตกกระจัดกระจายมั่วไปหมด ก็ขอเขียนถึงเรื่องชาวเขมรที่เคลมหมูเด้งสักนิด
สองปีมานี้เห็นชาวเขมรเคลม “ทรัพย์สินทางปัญญา” ของคนไทยหลายเรื่อง รวมทั้งตอนนี้ “หมูเด้ง” ด้วย แต่ผมไม่เคยเขียนถึง เพราะเข้าใจเอาเองว่า “เขารู้สึกอย่างไร”
ประเทศที่ย่อยยับแตกสลาย ทำลายล้างกันเองจนสิ้นชาติสิ้นอารยธรรม ไม่มี “หลักใจ” ใดๆ ให้ยึดเหนี่ยว ทั้งบุคคล วัฒนธรรมและอารยธรรม เพราะมันถูกทำลายล้างหมด
มองไปทางไหนก็เห็นแต่บาดแผลแห่งความหายนะ ที่ตนมีส่วนร่วมด้วยทั้งนั้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม คนรุ่นลูก-หลานที่เติบโตมาก็ยังได้กลิ่นอายของสงครามล้างผลาญกันเองอยู่
จึงเจ็บปวดและสิ้นหวัง เดียวดายและอ้างว้าง ที่มันฝังอยู่กับแผลใจไม่เคยหาย
เมื่อไร้หลักใจ มีแต่ความเจ็บปวดและสิ้นหวัง เดียวดายและอ้างว้าง ที่ฝังอยู่กับแผลใจไม่เคยหาย จึงพยายามที่จะหาหลักยึด…
ตัวบุคคลนั้นไม่มีให้ยึดแล้ว เพราะกษัตริย์ถูกทำลายไปนานแล้ว แม้ยังมีชีวิตอยู่ก็ไร้ศักดิ์ศรี ไร้พลัง จึงไม่มีความภูมิใจ ไม่รู้สึกดีต่อใจอีกต่อไป
ที่เหลืออยู่ก็คือซากวัฒนธรรมและอารยธรรม ที่ก็หมดความภูมิใจ เพราะถูกทำลายล้างเช่นกัน
สิ่งที่มีอยู่และเหมือนกับพวกเขาก็คือวัฒนธรรมและอารย ธรรมของไทย ที่เคยส่งอิทธิพลต่อกัน จึงมีการเคลมกันเรื่อยมา
คนเคลมก็เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนหนุ่มสาว ที่เติบโตมากับความไร้รากเหง้า เพราะมันถูกทำลายไปสิ้น
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต้องการที่พึ่งทางใจ ต้องการรู้สึกภาคภูมิใจกับชาติของตน วัฒนธรรมและอารยธรรมของตน
เมื่อไม่มีก็ต้องเคลม แค่หลอกตัวเองก็ยังดี เหมือนยามเหงาและไม่มีใครก็คุยกับหมาแมวต้นไม้ใบหญ้าไป
การไม่มีวัฒนธรรมและอารยธรรมของตนให้ภาคภูมิใจและยึดเหนี่ยวใจนั้น เกิดจากความคิดของพวกคอมมิวนิสต์ ที่ต้องการทำลายล้างวัฒนธรมและอารยธรรมให้สิ้นซาก
เพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยวิถีของคอมมิวนิสต์ (ที่มีแต่การกดขี่บีบคั้นและฆ่า)
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพวกส้มจึงทำลายวัฒนธรรม อารยธรรม และสถาบันต่างๆ ให้สิ้นซาก ทำลายแม้กระทั่งสถาบันครอบครัว
ผมสงสารชาวเขมร แต่ผมโกรธพวกส้ม และผมก็รอเห็นวันที่พวกเขาพังพินาศไปด้วยน้ำมือตนเอง.”
ครับ..นิ่มนวลดั่งนามสกุล ลุ่มลึกสมนักเขียนรางวัลซีไรต์ จนผมอดไม่ได้ที่จะต้องขออนุญาตลอกมาให้ท่านผู้อ่านได้ทัศนาต่อ
ส่วนอ่านแล้วจะ “รอเห็นวันที่พวกเขาพังพินาศไปด้วยน้ำมือตัวเอง” เหมือนคุณวิมลหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความคิด-ความรู้สึกของแต่ละคน!
สำหรับผม ตอนนี้รอแต่ น้ำเหนือจะไหล่บ่าลงมาสู่กรุงเทพฯ วันไหน-เมื่อไหร่มากกว่า แม้จะได้อ่านที่คุณปลอดประสพ สุรัสวดี โพสต์เมื่อเดือนก่อน..
“มีคนถามมาเยอะว่า กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมเหมือนปี 54 ไหม ด้วยความรู้และประสบการณ์ มั่นใจ 70% ว่าไม่ท่วม” ก็เถอะ!
ผมว่า ก็อย่าได้ประมาทไป เพราะ 30% ที่เหลือนี้แหละที่มันจะทำให้ชาวกรุงเทพฯ-ธนบุรีต้องเผชิญกับ “น้องน้ำ” อีกก็ไม่แน่?
และหากเกิด “สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ” ขึ้นมาในกรุงเทพฯ อีกครา ก็ไม่รู้นายกฯ แพทองธาร จะบอก “เอาอยู่” เหมือนอาปูอีกหรือเปล่า?
แต่ที่เอาไม่อยู่แล้ว ก็สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เวลานี้ผู้คนทะลักล้นเพื่อไปดู “หมูเด้ง” วันละนับหมื่นคน และนี่กำลังรอฟัง..
เมื่อไหร่จะมีเพลง “หมูเด้ง” เหมือน “หมีแพนด้า” ให้ได้ยิน?.
ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow Open Zoo