ผักกาดหอม
ก้าวข้ามไม่พ้นจริงๆ
ก็เรื่องของ “นักโทษชายทักษิณ” นี่แหละครับ
วานนี้ (๑๙ กรกฎาคม) แม้จะมีการพูดถึงไม่มากนัก แต่ใจความสำคัญนับว่าเอาเรื่องเลยทีเดียว
“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” โพสต์ข้อความเล่นเอาตกกะใจ พร้อมกับตั้งคำถามในใจ ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ
คุณนิพิฏฐ์ จั่วหัวว่า “ชวนคุยเรื่องคุณทักษิณ กับกระบวนการยุติธรรม”
จากนั้นก็เป็นรายละเอียด
“…ความจริงผมวางมือ และถอดหัวโขน จากการเป็นนักการเมืองมาเป็นนักกฎหมายแล้ว แต่บางท่านยังติดใจว่า ทำไมผมยังไปร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) และคณะ ที่ติดตามเรื่องคุณทักษิณ กรณีชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ อยู่อีก
เรื่องคุณทักษิณไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องกฎหมาย ก็ชี้แจงอย่างนี้นะครับ
๑.ถ้าท่านคิดว่า คุณทักษิณป่วยปางตายจริงๆ จึงไม่ควรติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว เชิญท่านสำราญบานใจ กับการก่นด่าผมไปได้เลย เพราะแสดงว่าเรื่องนี้ผมนำมาทำเป็นการเมือง ผมผิด เชิญด่าผมได้
๒.แต่หากท่านยังไม่สนิทใจนักว่า คุณทักษิณ ป่วยหนักถึงขนาดใน ๑ ปี ไม่ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียวจริงๆ หรือ ท่านควรสนับสนุนผมและคณะในการพิสูจน์ความจริงและหาคำตอบ
๓.ผมจึงอยากชวนคุยกับ ผู้อ่าน ๒ กลุ่ม
-หากท่านเป็นประชาชนทั่วไป ท่านเพียงนั่งดู และให้กำลังใจน้องๆ คปท. อาจสนับสนุนทรัพย์ในการต่อสู้บ้าง ผมก็ขอบคุณแล้ว
-แต่หากท่านเป็นนักกฎหมายที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และรับเงินเดือนจากรัฐ เช่น ตำรวจ, อัยการ, ผู้พิพากษา, ป.ป.ช. และองค์กรอิสระต่างๆ ที่บังคับใช้กฎหมาย ท่านนั่งดูอย่างเดียวหรือครับ ในขณะที่ท่านรับเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน นำไปเลี้ยงดูครอบครัวทุกเดือน ถ้าท่านคิดว่า กระบวนการยุติธรรมมันบิดเบี้ยวแล้ว ผมอยากให้ท่านช่วยกัน ‘คิด’ และนำกระบวนการที่สุจริตและเที่ยงธรรมกลับคืนมา ถ้าท่านนั่งดูอย่างเดียว ท่านเอาเปรียบผมนะ
ส่วนท่านที่เป็นทนายความ ผมก็ประกอบวิชาชีพทนายความ ทนายความไม่รับเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน มีความเป็นอิสระทางกฎหมาย แต่ทนายความไม่ออกมาต่อสู้เพื่อรักษาระบบยุติธรรมเลย เราจึงเห็นว่า มีทนายความถุงขนมบ้าง มีทนายความที่วิ่งเต้นคดีบ้าง ทนายความหิวแสงบ้าง ทนายความจึงเป็นวิชาชีพที่ถูกดูถูก-ดูแคลน จากสังคมตลอดมา อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผมที่เป็นทนายความก็รังเกียจทนายความเหล่านี้จนไม่อยากเข้าใกล้
เมื่อวันที่ ๑๗ ก.ค. ที่ผ่านมา ผมไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เจ้าหน้าที่เขาก็บ่นว่า รพ.ตำรวจ เตะถ่วง ไม่ยอมส่ง ‘เวชระเบียน’ ของคุณทักษิณ แต่เอาเถอะเรื่องนี้มีจุดจบแน่ คอยดู…”
จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่า “นักโทษชายทักษิณ” ป่วยปางตายจริง
ขีดเส้นใต้นะครับ ไม่ใช่ป่วยธรรมดา แต่ป่วยปางตายห่างหมอไม่ได้
มีใครเชื่อแบบนั้นบ้าง
วิธีพิสูจน์ก็ไม่ยากอะไร
แค่โรงพยาบาลตำรวจส่งเวชระเบียนให้ ป.ป.ช.
หรือจะแถลงต่อสาธารณะก็ได้
ป่วยก็คือป่วย
ถ้าไม่ป่วย ก็จบ
ง่ายนิดเดียว
แต่ทำไมโรงพยาบาลตำรวจถึงเงียบ
เวชระเบียนหาย เหมือนที่กล้องวงจรปิดเสียหรือเปล่า
เวชระเบียนตามความเข้าใจของชาวบ้านทั่วไปคือ ประวัติการรักษา แต่รายละเอียดมีอะไรบ้าง หลายๆ คนน่าจะรู้ไม่ครบ
คัดมาจากข้อมูลโรงพยาบาลทั่วไป รวมทั้งโรงพยาบาลตำรวจนั่นแหละครับ
เวชระเบียน (medical record) หมายถึง เอกสารทางการแพทย์ทุกประเภทที่ใช้บันทึกและเก็บ รวบรวมเรื่องราวประวัติของผู้ป่วยทั้งประวัติส่วนตัว ประวัติครอบครัว ประวัติการแพ้ยา
เอกสารการยินยอมให้ทำการรักษาพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบัน ข้อมูลบ่งชี้ เฉพาะของบุคคล
การรักษาพยาบาล
ค่ารักษาพยาบาล
ผลจากห้องปฏิบัติการ
ผลการชันสูตรบาดแผลหรือพลิกศพ
ผลการบันทึกค่าทั้งที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพหรือเครื่องมืออื่นใดจากอุปกรณ์เครื่องมือในสถานบริการสาธารณสุข หรือเครื่องมือทางการแพทย์ทุกประเภท หรือเอกสารการบันทึกการกระทำใดๆ ที่เป็นการสั่งการรักษา การปรึกษาเพื่อการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยไปทำการรักษาที่อื่น
การรับผู้ป่วยรักษาต่อ การกระทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ ในการรักษาพยาบาลตามที่สถานบริการ
สาธารณสุขกำหนดไว้ เอกสารอื่นๆ ที่ใช้ประกอบ เพื่อการตัดสินใจทางการแพทย์เพื่อการประสานงาน ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
และเอกสารอื่นใด ที่ทางองค์การอนามัยโลกหรือสถานบริการสาธารณสุข กำหนดไว้ว่าเป็นเอกสารทางเวชระเบียน หมายถึงชื่อของหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการจัด ทำเอกสารดังกล่าว การเก็บรวบรวม การค้นหา การบันทึก การแก้ไข การให้รหัสโรค การจัดทำรายงานทางการแพทย์ การนำมาจัดทำสถิติผู้ป่วย การนำมาเพื่อการศึกษาวิจัยหรือเพื่อการอื่นใดก็ตามที่สถานบริการสาธารณสุขกำหนด
นอกจากนี้ ยังรวมถึงเอกสารทางการแพทย์ที่อยู่ในรูปแบบสื่อดิจิทัลหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Medical Record: EMR) ซึ่งเป็นรูปแบบของเวชระเบียนที่มีการพัฒนาขึ้นในปัจจุบัน
การรักษาอาการป่วยของ “นักโทษชายทักษิณ” ในเวชระเบียนต้องมีรายละเอียดพวกนี้ครับ
ยิ่งเป็นการรักษาผู้ป่วยวิกฤต ห่างหมอไม่ได้ ก็ต้องยิ่งมีรายละเอียดเยอะกว่าผู้ป่วย ไอ จาม ปวดหัว ตัวร้อน คล้ายจะเป็นลม
จะเขียน ๒ บรรทัดจบไม่ได้
ก่อนนี้เคยเตือนกันแล้วครับว่า ให้ผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจระวังให้ดี ใครก็ตามที่ใช้ข้อมูลเท็จเพื่อช่วย “นักโทษชายทักษิณ” ไม่ให้ติดคุกนั้น อาจจะมีคนติดคุกแทน
วิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลตำรวจ เขียนแปะไว้ในตึกว่า “เป็นสถาบันการแพทย์ตำรวจที่มีความเป็นเลิศระดับสากล เพื่อสุขภาพที่ดีของตำรวจและประชาชน”
เพื่อความเป็นเลิศ วันนี้จึงต้องทำให้ชัดเจน
เวชระเบียนของ “นักโทษชายทักษิณ” จะไปถึงมือ ป.ป.ช.กี่โมง
ยิ่งเงียบยิ่งมีพิรุธ
มีพิรุธเยอะก็จบเห่
ติดคุกแทนไม่สนุกนะครับ